นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (14 พ.ย.) ที่ระดับ 35.99 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 36.01 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.90-36.10 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และประเมินกรอบ 35.85-36.25 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน sideway ใกล้ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในช่วง 35.95-36.10 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ก่อนที่เงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้นบ้างหลังราคาทองคำรีบาวนด์ขึ้น ในช่วงที่เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลง ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาดก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในวันนี้
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideway ใกล้ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ทำให้ทั้งการอ่อนค่าและการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าวอาจเป็นไปอย่างจำกัด อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในช่วงระหว่างวัน จากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่ยังมีความไม่แน่นอน โฟลว์ธุรกรรมทองคำ และความผันผวนของเงินเยนญี่ปุ่น (หลังผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลการเข้าแทรกแซงค่าเงินของทางการญี่ปุ่น และช่วงนี้จะมีสัญญา Option เงินเยนใกล้หมดอายุในปริมาณที่มาก)
อนึ่ง เราแนะนำว่าผู้เล่นในตลาดควรเตรียมรับมือความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกรณีที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานกลับไม่ได้ชะลอลงตามคาด และออกมาสูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะสะท้อนผ่านการเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม ส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ไม่ยาก กดดันให้ราคาทองคำเสี่ยงปรับตัวลงต่อ และทำให้เงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านระยะสั้นแถว 36.20-36.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ว่าสภาคองเกรสจะสามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะ Government Shutdown ได้หรือไม่ พร้อมกับรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทค้าปลีก เช่น Home Depot ซึ่งจะช่วยสะท้อนภาพการใช้จ่ายในฝั่งสหรัฐฯ ได้