กระแสเรียกร้องให้ระงับการทำ SHORT SELL หรือการยืมหุ้นมาขาย และการยกเลิกโปรแกรมการซื้อขายหรือ ROBOT ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด แม้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะชักชวนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยออกมาร่วมกันแถลงข่าว
ยืนกระต่ายขาเดียว ย้ำไม่มีเหตุผลเพียงพอยกเลิก SHORT SELL และ ROBOT เพราะไม่ใช่ตัวการถล่มหุ้นก็ตาม
ข้อกล่าวหาของนักลงทุนที่มองว่า SHORT SELL และ ROBOT เป็นมหาโจรร้ายที่เข้ามาปล้นนักลงทุนในประเทศ ยังถูกตอบโต้จากตลาดหลักทรัพย์ว่า เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น
เพราะผลการตรวจสอบข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ไม่พบความผิดปกติในรายการของ SHORT SELL และ ROBOT
ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ นำข้อมูลการตรวจสอบหลายแง่มุมเพื่อแก้ข้อกล่าวหา SHORT SELL และ ROBOT โดยเฉพาะสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายซึ่งมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับมูลค่าซื้อขายหุ้นรวมทั้งตลาด
แต่ข้อมูลการตรวจสอบที่ตลาดหลักทรัพย์นำมาแสดง ไม่อาจลบล้างความรู้สึกของนักลงทุนได้ว่า ตลาดหุ้นที่ฟุบหนักมายาวนาน 5 ปี โดยเฉพาะปีนี้ที่ดัชนีหุ้นทรุดลงประมาณ 280 จุด หรือทรุดลงประมาณ 16% สร้างสถิติเป็นแชมป์ตลาดหุ้นยอดแย่ที่สุดในโลกประจำปี ไม่ได้เกิดจากการกระทำของ SHORT SELL และ ROBOT
พูดให้ตรงประเด็นคือ นักลงทุนไม่เชื่อคำแถลงของนายภากร ปิตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ไม่เชื่อระบบตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์
กระแสต่อต้าน SHORT SELL และ ROBOT จึงไม่แผ่วลงแม้แต่น้อย แต่กำลังลุกลามขยายวงไปสู่การต่อต้านโจมตีผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์
มหาโจรร้าย SHORT SELL และ ROBOT ที่ถล่มตลาดหุ้นเป็นเพียงความรู้สึก เป็นเรื่องที่นักลงทุน “มโน” ขึ้นมาเองหรือไม่ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ และจะมีข้อยุติเมื่อตลาดหลักทรัพย์สามารถแสดงข้อมูลที่มีน้ำหนักรับฟังได้
และเป็นข้อมูลที่ทุกฝ่ายเถียงตลาดหลักทรัพย์ไม่ออก
ข้อมูลที่คนทั้งตลาดหุ้นอยากรู้คือ SHORT SELL หรือการยืมหุ้นมาขายในช่วงหุ้นขาลง โกยกำไรจากนักลงทุนรายย่อยไปแล้วเท่าไหร่
แต่สิ่งที่อยากรู้มากกว่าคือ ในช่วงประมาณ 5 ปี หรือตั้งแต่ตลาดหักทรัพย์ปล่อยให้ ROBOT เข้ามาโจมตี และเล่นนอกกติกา โดยทำ NAKED SHORT หรือการขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นอยู่ในมือ ROBOT ขนกำไรจากตลาดหุ้นไทยออกไปแล้วจำนวนเท่าไหร่
ตัวเลขการได้เสีย กำไรหรือขาดทุนจะเป็นคำตอบทุกอย่างสำหรับข้อถกเถียงเกี่ยวกับ ROBOT
นายภากร ยืนยันเสียงแข็งว่า ตรวจสอบการซื้อขายของ ROBOT ตลอดเวลา ดูทุกวัน ดังนั้น จึงไม่เกินความสามารถที่จะประมวลผลการซื้อขายของ ROBOT และสามารถรวบรวมข้อมูลได้ว่า กำไรหรือขาดทุนจำนวนเท่าใด
การลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อมีคนเสีย ย่อมต้องมีคนได้ แต่ในรอบ 5 ปี นักลงทุนรายย่อยจำนวนนับล้านคนเสียกันหมด
คำถามคือใครที่ได้ ROBOT กินเรียบหรือไม่
ถ้าผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ยืนกรานเปิดให้ SHORT SELL ปล่อยให้ ROBOT เป็นเครื่องจักรสังหารต่อไป ด้วยคำแก้ต่างข้อมูลการตรวจสอบที่คนในแวดวงตลาดหุ้นส่วนใหญ่ไม่เชื่อถือ
นักลงทุนรายย่อยที่ถูก ROBOT สูบเลือดมาประมาณ 5 ปี คงมีแค่ 2 ทางเลือก คือ ขายหุ้นทิ้ง ตัดความสูญเสียเพียงแค่นี้ เลิกเล่นหุ้น เพราะอยู่ในตลาดหุ้นต่อไปมีแต่หมดตัว
หรือลุกขึ้นสู้ รวมตัวกันเรียกร้องให้ระงับ SHORT SELL ไว้ชั่วคราว ในภาวะตลาดที่ไม่ปกติ
และเรียกร้องให้เลิกการซื้อขายด้วย ROBOT ไปตลอดกาล
จะเดินไปเคาะประตู้ห้องนายภากร ยื่นหนังสือเรียกร้องก็ไม่ผิดกติกา หรือรวมตัวกันเซ็นบัญชีหางว่าวถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขอให้ลงมาแก้ปัญหา ROBOT ซึ่งสร้างความเสียหายนักลงทุนไทยมายาวนานก็ได้
เพราะนายเศรษฐา คงไม่ยืนดูให้ตลาดหุ้นพังทลายด้วยน้ำมือ ROBOT แน่
ล่าสุด นักลงทุนรายย่อยเริ่มก่อหวอดแล้ว เรียกร้องแสดงพลังต่อต้าน ROBOT โดยนัดหยุดซื้อขายหุ้นพร้อมกันในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
มหาวายร้าย ROBOT ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวการที่เข่นฆ่านักลงทุนรายย่อยจนหมดตัว เป็นเพียงความรู้สึกหรือเป็นเรื่องที่นักลงทุน “มโน” ขึ้นมาเอง
หรือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ไม่ยอมรับความจริง
คำตอบอยู่ที่การประมวลผลกำไรหรือขาดทุนของ ROBOT ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ตลาดหลักทรัพย์มีเครื่องมือตรวจสอบอยู่แล้ว
ตัวเลขผลกำไรจากการซื้อขายหุ้นด้วย ROBOT จะตอบโจทย์ทุกอย่าง
ตอบคำถามว่า นักลงทุน "มโน" ไปเอง หรือผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์พยายามทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ ROBOT
ในยุคที่นายภากร ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดตลาดหลักทรัพย์ ระบบนิเวศในตลาดหลักทรัพย์ได้ถูกทำลายลง
นักลงทุนรายย่อย ซึ่งถือเป็นวงจรสำคัญของระบบนิเวศถูก ROBOT ทำลายจนแทบจะสิ้นเผ่าพันธุ์แล้ว
นายภากร อาจไม่สนใจในระบบนิเวศของตลาดหุ้นที่กำลังเสื่อมสลายเพราะปีหน้าเกษียณอายุ เดินออกจากตลาดหุ้นแล้ว
แต่นายเศรษฐา ยังมีวาระดำรงตำแหน่งอีกเกือบ 4 ปี จะปล่อยให้ตลาดหุ้นพังคาตา เพราะ ROBOT หรือ
ถ้าสั่งตะเพิด ROBOT พ้นตลาดหุ้นไทย ไม่เพียงหุ้นจะฟื้นเท่านั้น แต่ “เศรษฐา” ยังได้รับเสียงชื่นชมสรรเสริญดังกึกก้องตลาดหุ้นอีกด้วย