xs
xsm
sm
md
lg

5 ปีของ "ภากร"...5 ปีที่ขมขื่นของชาวหุ้น / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดหุ้นวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำท่าจะพังพาบอีกครั้ง โดยดัชนีทรุดหนักลงไปถึงประมาณ 22 จุด หรือลงไปต่ำสุดที่ระดับ 1,389 จุด ก่อนดีดตัวกลับภายในพริบตา จนเหลือติดลบเพียง 6 จุดเมื่อปิดตลาด

หลังมีข่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดแถลงข่าวในเวลา 17.00 น.ในวันเดียวกัน เกี่ยวกับภาวะตลาดหุ้น

นักลงทุนพากันคาดหวังว่า ก.ล.ต.กับตลาดหลักทรัพย์ จะแถลงถึงมาตรการกระตุ้นบรรยากาศการลงทุน และอาจประกาศห้าม SHORT SELL ตามรอยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ รวมทั้งยกเลิกการซื้อขายด้วย ROBOT หรือโปรแกรมการซื้อขาย

แต่ทุกคนต้องฝันสลายเป็นซ้ำสอง เพราะทั้ง ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ออกมายืนยันไม่มีเหตุผลห้าม SHORT SELL เพราะยังเป็นกลไกที่มีประโยชน์ และ ROBOT ไม่ใช่โจรผู้ร้ายที่ถล่มหุ้น

เป็นอันว่า SHORT SELL กับ ROBOT ยังดำรงอยู่ และตลาดหุ้นคงหัวทิ่มหัวตำตามปกติต่อไป เพราะผู้บริหาร ก.ล.ต.คนใหม่และผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์คนเก่า ซึ่งเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ไม่มีมาตรการใดในการกระตุ้นตลาดหุ้น

นอกจากประสานเสียง ยืนกระต่ายขาเดียว ไม่เลิก SHORT SELL ไม่ปิดกั้นการซื้อขายด้วย ROBOT

ในเมื่อทั้ง ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ยืนยันเสียงแข็งว่า ได้ตรวจสอบรายการ SHORT SELL และ ROBOT แล้ว แต่ไม่พบข้อมูลความผิดปกติ ซึ่งคงต้องเชื่อทั้ง 2 หน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดหุ้น แม้จะมีความรู้สึกไม่อยากเชื่อก็ตาม

แต่ไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานใดที่จะนำไปหักล้างคำยืนยันในพฤติกรรมการซื้อขายที่ปกติของ SHORT SELL และ ROBOT จาก ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์เสียด้วย

ปีนี้ดัชนีหุ้นทรุดลงแล้วกว่า 260 จุด แต่ไม่ใช่ปีแรกที่ตลาดหุ้นย่ำแย่ เพราะนับตั้งแต่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 ประกาศแต่งตั้งนายภากร ปิตธวัชชัย เป็นกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหุ้นเกิดความปั่นป่วนตามมา พร้อมกับปรากฏการณ์เลวร้ายหลายด้าน

ตลาดหุ้นที่กำลังเฟื่องฟู ดัชนีอยู่ในช่วงขาขึ้น จนแตะระดับ 1,850 จุด ได้ปักหัวลงต่อเนื่อง และถอยลงมายืนที่ระดับ 1,400 จุด

ระยะเวลา 5 ปีที่นายภากร เป็นกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ดัชนีติดลบประมาณ 450 จุด

ปี 2561 นักลงทุนต่างชาติถล่มขายหุ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มียอดขายกว่า 2.87 แสนล้านบาท และขายต่อเนื่องเกือบทุกปี ยกเว้นปี 2565 ที่กลับมาซื้อขาย 1.98 แสนล้านบาท แต่ปีนี้กลับไปขายหุ้นอีก โดยมียอดขายสะสมจากต้นปี 1.79 แสนล้านบาท

นับตั้งแต่ปี 2561 ต่างชาติมียอดขายหุ้นรวมประมาณ 6.2 แสนล้านบาท

และช่วงปรากฏชื่อนายภากร เป็นผู้จัดการตลาด กลับเป็นช่วงเวลาเดียวที่ ROBOT เริ่มแทรกซึมเข้ามาในตลาดหุ้นไทย เปิดปฏิบัติการโจมตีนักลงทุนรายย่อย

ตลาดหลักทรัพย์ที่ประกาศยืนยันว่า ได้ติดตามตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายของ ROBOT ตลอดเวลา ดูทุกวัน น่าจะเก็บข้อมูลการซื้อขายของ ROBOT นำมาประมวลผล และตีแผ่ให้สาธารณชนรับรู้ว่า

ROBOT โกยเงินจากตลาดหุ้นไทยไปแล้วเท่าไหร่ เพราะเป็นข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อการตัดสินใจของนักลงทุน ไม่ควรเก็บอมพะนำไว้

หรือว่าตลาดหลักทรัพย์ไม่เคยใส่ใจว่า ROBOT ไล่ตีนักลงทุนไทยจนล้มหายตายจากไปแล้วกี่แสนกี่ล้านคน

ไม่อยากรับรู้เลยหรือว่า ROBOT ที่เข้ามาบุกตลาดหุ้นไทยได้หรือเสีย จะกำไรหรือขาดทุน และปล่อยเป็นเรื่องชั่งหัว ROBOT มัน

นักลงทุนทั่วไปอยากรู้จะตายว่าในรอบ 5 ปีกว่าที่นักลงทุนรายย่อยต้องย่อยยับ ROBOT กอบโกยความมั่งคั่งไปขนาดไหน

และถ้าผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ไม่อยากรู้ และไม่เคยมีการประมวลผลการซื้อขายของ ROBOT คงเป็นเรื่องที่ผิดปกติวิสัยมากๆ

ตลาดหุ้นฟุบมายาวนานกว่า 5 ปี ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากอะไร แต่สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ

ยุคนายภากร ปิตธวัชชัย กว่า 5 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนเต็มไปด้วยความขมขื่น น้ำตานองหน้า

และไม่เคยมีมาตรการเยียวยา หรือกระตุ้นการลงทุน เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนจากกรรมการและผู้จัดการคนปัจจุบันแต่อย่างใด

ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE วิกฤตหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK

และล่าสุด วิกฤตสงครามตะวันออกกลาง ซึ่งผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์เอาแต่ปักหลักตอบโต้กระแสเรียกร้องให้หยุด SHORT SELL เลิก ROBOT เท่านั้น

แต่ไม่มีวิสัยทัศน์ใดๆ ในการปลุกตลาดหุ้นให้ฟื้น และช่วยนักลงทุนได้ลืมตาอ้าปากบ้าง

5 ปีในการดำรงตำแหน่ง นายภากรไม่มีผลงานอะไรที่จับต้องได้จริงๆ มีแต่ผลงานบนความว่างเปล่า

มีแต่นักลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนกว่า 2 ล้านคนที่จนลงในยุคนายภากร








กำลังโหลดความคิดเห็น