ตลาดหุ้นเกาหลีใต้บรรยากาศการลงทุนจะสดใสนับจากปลายปี 2565 ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นกว่า 10% แต่ตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ ยังดำรงมาตรการกำกับการซื้อขายหุ้นอย่างเข้มงวด ล่าสุด ประกาศห้ามทำ SHORT SELL หรือการยืมหุ้นมาขายก่อน
เป้าหมายคำสั่งห้าม SHORT SELL เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้นักลงทุนทุกฝ่าย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงเดือนมิถุนายนปี 2567
กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก.ล.ต.สหรัฐฯ ได้ออกประกาศกำหนดให้กองทุนเก็งกำไรหรือ HEDGE FUND ต้องรายงานเมื่อทำรายการ SHORT SELL ในหุ้นตัวใดก็ตาม เพื่อสร้างความเท่าเทียมในข้อมูลของนักลงทุนทุกกลุ่ม
การทำ SHORT SELL อาจเป็นสัญลักษณ์สะท้อนถึงการพัฒนาของตลาดหุ้น หรือการเป็นตลาดหุ้นที่ได้มาตรฐาน มีความทันสมัย เครื่องมือหรือผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ครบถ้วน เปิดโอกาสให้นักลงทุนมีทางเลือกที่หลากหลาย สามารถทำกำไรได้ทั้งในช่วงหุ้นขาขึ้นหรือหุ้นในช่วงขาลง
แต่ตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ และ ก.ล.ต.สหรัฐฯ ไม่ได้มอง SHORT SELL เป็นเรื่องเท่ เป็นเครื่องมือที่ทันสมัย และแตะต้องไม่ได้
เพราะแม้เป็นกลไกซื้อขายหุ้นที่เปิดเสรี แต่ถ้าเกิดความเสี่ยงที่จะสร้างความเสียหายให้นักลงทุนก็พร้อมแทรกแซงทันที
ไม่ปล่อยให้ใครทำ SHORT SELL กอบโกยกำไรบนหายนะของนักลงทุนในประเทศตัวเอง
ในยามภาวการณ์ลงทุนที่ไม่ปกติ ในยามที่ตลาดหุ้นวิกฤต และนักลงทุนต่างชาติ หรือกองทุน HEDGE FUND ฉวยโอกาสโจมตี ทำ SHORT SELL ซ้ำเติมให้ตลาดหุ้นเลวร้ายหนักขึ้น
หน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดหุ้นซึ่งมีความสำนึกในความเสียหายของนักลงทุนในประเทศ ต้องออกมาทำหน้าที่สกัดกั้นทุกช่องทางที่จะซ้ำเติมตลาดหุ้นให้เลวร้ายลง
รายการ SHORT SELL ในตลาดหุ้นไทย ส่วนใหญ่น่าจะเป็นของนักลงทุนต่างชาติ และตรวจสอบไม่ทั่วถึงว่าเป็นการ SHORT SELL จริงหรือไม่ มีการยืมหุ้นจากคัสโตเดียนหรือผู้ดูแลสินทรัพย์มาเพื่อขายก่อนจริงหรือไม่ หรือเป็นรายการ NAKED SHORT หรือการขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นอยู่ในมือ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีข้อมูลการทำ SHORT SELL สามารถตรวจสอบประเมินผลได้ว่า สร้างความเสียหายซ้ำเติมให้ตลาดหุ้นหรือนักลงทุนหรือไม่
ล่าสุด หลังดัชนีหุ้นทรุดหนักกว่า 30 จุด เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ได้ออกมาแถลงข่าวด่วน และยืนยันว่า รายการ SHORT SELL มีสัดส่วนการซื้อขายประมาณ 11.34% เศษของมูลค่าการซื้อขายหุ้นโดยรวม ซึ่งไม่แตกต่างจากช่วงปกติที่มีสัดส่วนการซื้อขายประมาณ 12%
และการใช้โปรแกรมเทรด หรือการซื้อขายด้วยระบบ ROBOT มีสัดส่วนประมาณ 30-38% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นแต่ละวัน
รวมมูลค่าการซื้อขายจากรายการ SHORT SELL และการเทรดด้วย ROBOT มีสัดส่วนมากถึงประมาณ 50% ของมูลค่าซื้อขายหุ้นในแต่ละวัน ซึ่งถือว่าสูงมาก สูงจนชี้นำทิศทางตลาดหุ้น และสามารถสร้างความผันผวนหุ้นรายตัวได้ โดยเฉพาะการใช้ ROBOT เข้าไปเทรด
การทำ SHORT SELL ซึ่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า เป็นสถานการณ์ปกติ และการเทรดด้วย ROBOT ในสัดส่วน 30-38% ซึ่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนนี้ไม่ได้แสดงถึงความวิตกกังวลแต่อย่างใด อาจไม่ใช่เรื่องที่ปกติเท่าไหร่
เพราะผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนจำนวนมาก บริษัทโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ และนักลงทุนรายย่อยนับแสนรายกำลังมองว่า ROBOT เป็นผู้ร้ายตัวจริงในตลาดหุ้น เป็นโปรแกรมเทรดที่ทำลายล้าง จึงต้องการให้ควบคุม หรือยกเลิกการทำรายการ SHORT SELL อย่างน้อยชั่วคราวในช่วงที่ตลาดหุ้นไม่ปกติ
และยกเลิก ROBOT เป็นการถาวร ตัดวงจร NAKED SHORT หรือการขายโดยไม่มีหุ้นอยู่ในมือ ซึ่งถูกใช้เป็นกลไกทุบหุ้นตายคากระดานมาแล้วนับสิบๆ บริษัท
ก.ล.ต.สหรัฐฯ ตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ แสดงให้เห็นแล้วว่า ผู้บริหารหน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดหุ้นมีความตื่นตัว และมีสำนึกในความรับผิดชอบเพียงใดต่อการทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองนักลงทุน
การกำหนดให้ HEDGE FUND ต้องรายงานการทำ SHORT SELL ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ การประกาศห้าม SHORT SELL ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เป็นการป้องกันนักลงทุนไม่ให้ถูกซ้ำจากนักฉวยโอกาสที่ใช้เครื่องมือทุบหุ้นให้ดิ่งลงเหวลึก
และแสวงหากำไรบนหายนะของประชาชนผู้ลงทุนส่วนใหญ่
แต่ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตื่นตัวกันบ้างหรือไม่ มีแนวความคิดสร้างสรรค์เพื่อหาแนวทางปกป้องประชาชนผู้ลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งเสียหายย่อยยับมาหลายปีติดต่อกันบ้างหรือไม่
หรือมองว่า ดัชนีหุ้นที่ดิ่งลงมา 250 จุด นับจากต้นปี เป็นเพียงภาวะปกติ การ SHORT SELL หรือการใช้ ROBOT เทรด สูบเงินจากประชาชนผู้ลงทุนคนไทยเป็นเรื่องปกติ ไม่จำเป็นต้องแก้ไขอะไร แม้ 5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนรายย่อยจะล้มตายนับศพไม่ถ้วนก็ตาม
วิกฤตตลาดหุ้นที่ถูกมองเป็นเพียงเรื่องปกติไปเสียทั้งหมด บางทีอาจเกิดจากความไม่ปกติของผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ก็เป็นได้
เพราะผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ที่ตระหนักในความรับผิดชอบจะต้องมีมาตรการกระตุ้นการลงทุน หรือมาตรการป้องกันไม่ให้นักลงทุนถูกซ้ำเติมจากการซื้อขายที่เอารัดเอาเปรียบ
แต่ตลาดหลักทรัพย์ไม่มีอะไรเลย ไม่ได้ทำอะไรเลย หุ้นจะขึ้นช้างลงมาก็เฉย จนไม่รู้ว่า ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์รู้สึกรู้สากับหายนะของประชาชนผู้ลงทุนในตลาดหุ้นบ้างหรือไม่