xs
xsm
sm
md
lg

SCC ยังไม่สดใส แนวโน้มอุปสงค์ของปูนซีเมนต์และบรรจุภัณฑ์ยังอ่อนตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า SCC ทำกำไรสุทธิได้เพียง 2,441 ล้านบาทในไตรมาส 3/66 ต่ำกว่าประมาณการของเรา 26% เพราะขาดทุนจากการด้อยค้าของโรงงานปูนซีเมนต์ในพม่า 578 ล้านบาท

หากไม่รวมกำไรจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ 698 ล้าบาท SCC จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 2,321 ล้านบาท ลดลง 55% qoq ต่ำกว่าประมาณการของเรา 31% ผลจากส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ต่ำกว่าคาด

ธุรกิจเคมีภัณฑ์ของ SCC ทำกำไรสุทธิ 1,052 ล้านบาทในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 42% qoq ส่วนใหญ่มาจากรับรู้กำไรจากสต๊อกแนฟทา ส่วนกำไรปกติลดเหลือ 354 ล้านบาท ลดลง 52% qoq เพราะดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น 37% qoq หลัง SCC เริ่มรับรู้ต้นทุนการเงินจากโครงการ Longson Petrochemical Project ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยยังเป็นบวก 978 ล้านบาท แสดงว่า Naphtha cracker ทั้ง 2 โครงการ ขาดทุนติดต่อกัน 8 ไตรมาสแล้ว

เราเชื่อว่าธุรกิจที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตกำไรสุทธิของ SCC คือ ธุรกิจ PVC เนื่องจากเสปรด PVC/EDC เพิ่มเป็น 439 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาส 3 เทียบกับ 348 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาส 2 นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรยังเติบโต 33% qoq เพราะสเปรด LLDPE/เอทิลีนสูงขึ้น

สำหรับตลาดซีเมนต์อาเซียนอ่อนตัว กระทบ EBITDA ไตรมาส 3 หากไม่รวมขาดทุนจากด้อยค่าสินทรัพย์ธุรกิจ CBM จะมีกำไรดำเนินงาน 402 ล้านบาท ลดลง 68% qoq เนื่องจากอุปสงค์ปูนซีเมนต์อ่อนตัว และ EBITDA margin ในตลาดเวียดนามและกัมพูชาลดลง ส่วนยอดขายปูนซีเมนต์ในประเทศทรงตัว yoy เพราะยังไม่มีอุปสงค์จากโครงการภาครัฐ ขณะที่ราคาขายปูนในประเทศทรงตัว qoq ที่ 2,125 เหรียญสหรัฐ/ตัน

เราปรับประมาณการ EPS ของ SCC ลง 3.3-6.1% ในปี 66-68 เพราะมองว่าอุปสงค์ของปูนซีเมนต์และบรรจุภัณฑ์อ่อนตัวลง และประมาณการ EBITDA ของเราลดลงด้วย ราคาเป้าหมายของ SCC จึงลดลงมาที่ 298 บาท จาก 318 บาท โดยมีปัจจัยหนุนจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4% ในปีหน้า จึงแนะนำ “ถือ” เพราะโรงงานเคมีภัณฑ์ รวมถึง LSP อาจมีขาดทุนจากการดำเนินงานไปอีก 3-4 เดือน เรามองว่า upside risk จะมาจากอุปสงค์ PE ในเอเชียที่แข็งแกร่งกว่าคาด ส่วน downside risk คือต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาสูงกว่าคาด


กำลังโหลดความคิดเห็น