SCC แจงกำไรไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 2,441 ล้านบาท ลดลง 70% เทียบจากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักมาจากการขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในภูมิภาค และไตรมาสก่อนมีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมและเงินปันผลรับ ส่วนงวด 9 เดือนแรกปีนี้ มีกำไร 27,049 ล้านบาท โตขึ้น 27%
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2566 ว่าบริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 125,649 ล้านบาท ลดลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากธุรกิจเคมิคอลส์มีปริมาณขายเพิ่มขึ้น และมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 2,441 ล้านบาท ลดลง 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 70% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากมีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมและเงินปันผลรับในไตรมาสก่อน รวมถึงในไตรมาสนี้มีรายการขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในภูมิภาค ทั้งนี้ กำไรที่ไม่รวมรายการพิเศษ (Profit excluding extra items) อยู่ที่ 3,019 ล้านบาท ลดลง 42% จากไตรมาสก่อน
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีรายได้จากการขายลดลง 12% จากยอดขายที่ลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจ สาเหตุหลักจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงและจากสถานการณ์ตลาดในภูมิภาค ประกอบกับการไม่รวมยอดขายของ SCG Logistics (เปลี่ยนสถานะจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วม จากการรวมธุรกิจ SCGJWD Logistics) EBITDA เพิ่มขึ้น 19%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากธุรกิจเคมิคอลส์มีกำไรจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือและปริมาณขายเพิ่มขึ้น กำไรสำหรับงวด 2,441ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,444ล้านบาท โดยกำไรที่ไม่รวมรายการพิเศษ (Profit excluding extra items) เพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนของปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการขายลดลง 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 379,028 ล้านบาท เป็นผลมาจากยอดขายที่ลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจ EBITDA ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 43,219 ล้านบาท เป็นผลมาจากยอดขายที่ลดลง ส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์และรายได้เงินปันผลรับลดลง กำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 27,049 ล้านบาท จากกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี2566 ขณะที่กำไรไม่รวมรายการพิเศษ (Profitexcludingextraitems) อยู่ที่ 12,805 ล้านบาท ลดลง 40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 960,058 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2565 จำนวน 53,568 ล้านบาท
