xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นกลุ่ม Domestic ช่วยหนุน SET INDEX ปิดตลาด +3.95 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาด +3.95 จุด โบรกฯเผยวันนี้หุ้นไทยผันผวนค่อนข้างมาก หลังเปิดตลาดซื้อขายภาคเช้าปรับตัวอยู่ในแดนลบจากแรงกดดันบอนด์ยีลด์สหรัฐที่ยังเร่งตัวทำจุดสูงสุด ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่อง ก่อนที่จะพลิกกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกจากแรงซื้อเข้าหนุนในหุ้นกลุ่ม Domestic ที่คาดว่าผลประกอบการน่าจะฟื้นตัวได้ อาทิ ธนาคาร ค้าปลีก ไอซีที และโรงพยาบาล ประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้ มองแนวต้านที่ 1,460 จุด และแนวรับที่ 1,440 – 1,430 จุด แนะจับตาประเด็นความเชื่อมั่นในภาคการท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุกราดยิงในห้างสยามพารากอนและการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศไทย

ตลาดหุ้นไทยผิดทำการซื้อขายวันที่ 4 ตุลาคม 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +3.95 จุด หรือ +0.27% โดยปิดตลาดที่ 1,451.25 จุด มูลค่าซื้อขาย 51,227.05 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นไทยในวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวผันผวน หลังจากที่เปิดตลาดซื้อขายในภาคเช้าดัชนีปรับตัวลดลงไปกว่า 10 จุด ก่อนที่จะพลิกกลับมาในแดนบวก โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,454.80 จุด ในทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,429.99 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 314 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 180 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน151 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -917.67 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +34.15 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +602.51ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +281.01 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.AOT มูลค่าการซื้อขาย 4,111.57 ล้านบาท ปิดที่ 68.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
2.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,671.23 ล้านบาท ปิดที่ 83.75 บาท ลดลง 1.75 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,663.85 ล้านบาท ปิดที่ 32.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,582.03 ล้านบาท ปิดที่ 60.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
5.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,568.21 ล้านบาท ปิดที่ 27.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEPปิดที่165.50บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 1.53%
2.BLA ปิดที่29.00บาท เพิ่มขึ้น 1.50บาท หรือ 5.45%
3.SCB ปิดที่103.00บาท เพิ่มขึ้น 1.50บาท หรือ 1.48%
4.TIPH ปิดที่35.50บาท เพิ่มขึ้น 1.25บาท หรือ 3.65%
5.MEGA ปิดที่45.25บาท เพิ่มขึ้น 1.25บาท หรือ 2.84%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่83.75บาท ลดลง 1.75บาท หรือ 2.05%
2.CENTEL ปิดที่45.75บาท ลดลง 1.50บาท หรือ 3.17%
3. AOT ปิดที่68.50บาท ลดลง 1.50บาท หรือ 2.14%
4.BHปิดที่264.00บาท ลดลง 1.00บาท หรือ 0.38%
5.TISCO ปิดที่97.75บาท ลดลง 0.50บาท หรือ 0.51%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,979.07 จุด เพิ่มขึ้น 3.29 จุด หรือ 0.17% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 886.30 จุด เพิ่มขึ้น 0.63 จุด หรือ 0.07% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 440.58 จุด เพิ่มขึ้น 4.63 จุด หรือ 1.06%

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนข้างผันผวน โดยช่วงเช้าปรับลงไปกว่า 10 จุด โดยมีแรงกดดันจากอัตราแผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ที่ยังเร่งตัวทำจุดสูงสุดของปีและค่าเงินบาทที่ยังอยู่ในช่วงอ่อนค่าลง รวมทั้งเหตุการณ์ที่สยามพารากอนเมื่อวานนี้ ทำให้ภาพของตลาดหุ้นไทยช่วงแรกปรับตัวลงค่อนข้างแรง

อย่างไรก็ตามหลังจากปรับตัวลงเริ่มเห็นแรงซื้อกลับ โดยหุ้นที่ช่วยหนุนตลาดวันนี้เป็นหุ้นกลุ่ม Domestic ที่ตลาดมองว่าผลกระกอบการน่าจะฟื้นตัวได้ อาทิ กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก ไอซีที และโรงพยาบาล เป็นต้น ทำให้ภาพของตลาดวันนี้พลิกกลับมาเป็นบวกอีกครั้งหนึ่ง

"แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนียังผันผวนอยู่ นักลงทุนติดตามบอนด์ยีลด์สหรัฐจะมีการหยุดการปรับขึ้นเมื่อไร โดยวันนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ซึ่งนักลงทุนจับตาอยู่ โดยหากตัวเลขออกมาแกร่งกว่าคาด อาจจะต้องระมัดระวังความผันผวนที่เกี่ยวกับประเด็นบอนด์ยีลด์สูงและค่าเงินอ่อนค่า แต่หากตัวเลขไม่ดีอย่างที่คาด น่าจะทำให้ตลาดคลายความกังวลได้ และรอติดตามการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ค่อนข้างผันผวน" นายชาญชัย กล่าว

ขณะที่ปัจจัยอื่นที่ๆอาจกระทบการลงทุนที่นักลงทุนต้องติดตาม ได้แก่ประเด็นการเรียกความความเชื่อมั่นในภาคการท่องเที่ยวกลับคืน หลังจากเกิดเหตุการณ์กราดยิงในห้างสยามพารากอน และการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ โดยประเมินว่านักลงทุนจะขยายตัว 0.8% YoY และเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะขยายตัว 0.7% YoY รวมทั้งการเก็งกำไรงบของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/66 โดยประเมินแนวต้านที่ 1,460 จุดและแนวรับ 1,440 – 1,430 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น