หุ้นไทยยังร่วงไม่เลิก ปิดตลาดดิ่งเหวปิด -10.71 จุด นักวิเคราะห์เผย ดัชนีถูกฉุดรั้งจากราคาของ DELTA ที่ปรับตัวร่วงลงช่วงท้ายตลาด ซึ่งทำให้หุ้นกลุ่มอิเล็กฯปรับตัวร่วงลงด้วยเช่นกัน ซึ่งหากไม่มีการปรับร่วงของ DELTA ประเมินว่าการทำ Window Dressing จะทำให้ดัชนี SET INDEX และราคาปิดสิ้นงวดไตรมาส 3/66 โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารจะปรับขึ้น เนื่องจากส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) อยู่ในระดับดีขึ้น ประเมินกรอบการลงทุนสัปดาห์หน้า แนวรับที่ 1,461 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ แนวต้านที่ 1,485, 1,492 จุด แนะจับตาถ้อยแถลงของ ประธานเฟดในแต่ละสาขา และตัวเลขจ้างงานของสหรัฐ หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 29 กันยายน 2566 ปรับตัวลดลงกว่า -10.71 จุด หรือ -0.72% โดยปิดตลาดที่ 1,471.43 จุด มูลค่าซื้อขาย 73,067.53 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนีปรับตัวลดลงสู่แดนลบหลังเปิดตลาดภาคเช้าเพียงครึ่งชั่วโมงและเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบเกือบทั้งวัน ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นมาอยู่ในแดนบวกช่วงบ่าย ก่อนที่จะเกิดแรงกระชากจาก DELTA ปรับตัวลดลงไปอยู่ในแดนลบจนกระทั่งปิดตลาด โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,484.62 จุด ในขณะที่ทิศทางขาลงลดต่ำสุดแตะ 1,471.43 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 265 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 189 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 189 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า-1,567.07 ล้านบาท และ นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -267.61 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +1,071.48 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +763.21 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 13,726.44 ล้านบาท ปิดที่ 82.75 บาท ลดลง 21.25 บาท
2.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,286.71 ล้านบาท ปิดที่ 69.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,274.11 ล้านบาท ปิดที่ 126.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
4.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,139.83 ล้านบาท ปิดที่ 171.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
5.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,702.78 ล้านบาท ปิดที่ 102.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BBL ปิดที่ 167.50บาท เพิ่มขึ้น 3.00บาทหรือ 1.82%
2.ADVANCปิดที่ 228.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาทหรือ 1.33%
3.SCC ปิดที่ 301.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00บาทหรือ 0.67%
4.GPSC ปิดที่ 44.75บาท เพิ่มขึ้น 1.50บาทหรือ 3.47%
5.JMT ปิดที่ 47.75บาท เพิ่มขึ้น 1.50บาทหรือ 3.24%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 82.75 บาท ลดลง 21.25 บาทหรือ 20.43%
2.HANA ปิดที่ 59.50 บาท ลดลง 2.00บาทหรือ 3.25%
3.AMATA ปิดที่ 24.40 บาท ลดลง 1.35บาทหรือ 5.24%
4.BLA ปิดที่ 27.75บาท ลดลง 0.75 บาทหรือ 2.63%
5.THG ปิดที่ 65.25บาท ลดลง 0.75 บาทหรือ 1.14%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,006.06 จุด ลดลง -21.18 จุด หรือ -1.04% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 899.28 จุด ลดลง -10.60 จุด หรือ -1.16% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 450.53 จุด ลดลง -0.17 จุด หรือ -0.04%
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวลงตามหุ้น DELTA ปรับตัวลงแรงฉุดให้ดัชนีช่วงท้ายตลาดร่วงกว่า 10 จุด โดย DELTA ปรับลง 21.25 บาท รวมถึงกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลงเช่นกัน หากไม่นับรวมหุ้น DELTA หุ้นไทยน่าจะบวกจากการทำ Window Dressing ทำราคาปิดสิ้นงวดไตรมาส 3/66 โดยกลุ่มแบงก์ปรับขึ้นรับผลดีการปรับขึ้นดอกเบี้ยทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ดีขึ้น
อย่างไรก็ดี แนวโน้มตลาดสัญญญาณทางเทคนิคยังเป็นขาลง และรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงชัตดาวน์ ซึ่งใกล้ครบกำหนด 30 ก.ย.นี้ ซึ่งมีผล Negative Momentum
"ในสัปดาห์หน้านักลงทุนควรจับตาดูถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในแต่ละสาขา ด้านตัวเลขจ้างงานของสหรัฐ หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะต้องดูว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจภาคการผลิตและบริการอย่างไรบ้าง" นายถนอมศักดิ์ กล่าว
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้า คาดปรับลงสลับรีบาวด์จากสัปดาห์นี้ที่ปรับตัวลงแรงทั้งสัปดาห์ ให้แนวรับที่ 1,461 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ แนวต้านที่ 1,485, 1,492 จุด แนะเลือกลงทุนหุ้นปลอดภัย โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยวที่ได้รับอานิสงส์จากวันหยุดยาวของจีน ทำให้ภาพดูโดดเด่น อาทิ AOT และใกล้ประกาศงบการเงินไตรมาส 3/66 ซึ่งสัปดาห์หน้าน่าะจะมีการเก็งกำไรงบ