หุ้นเล็กเน่าๆ..ก.ล.ต.กวาดล้างอย่างไร? / สุนันท์ ศรีจันทรา

ปัญหาหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ซึ่งสร้างความล่มสลายให้นักลงทุนในวงกว้าง ปลุกให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นตื่นตัวในการหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอย และมีการพูดถึงคุณภาพหุ้นขนาดเล็ก

MORE เป็นหุ้นขนาดเล็ก และปั้นตัวเองจากการสร้างข่าว การสร้างธุรกรรมทางธุรกิจต่างๆ จนดูเหมือนว่าผลประกอบการบริษัทฯ กำลังฟื้นตัว ทั้งที่ผลการดำเนินงานที่แท้จริงยังขาดทุนต่อเนื่อง

ภายใน 2 ปี จากหุ้นขนาดเล็กที่อยู่ในสภาพตายซาก หลังปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยนายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ผ่านการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคาหุ้นละ 50 สตางค์ ทำให้ MORE กลายเป็นหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวคึกคัก ราคาปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

ราคาหุ้นที่เหลือไม่กี่สิบสตางค์ ปรับตัวขึ้นมาสูงสุดที่ 2.98 บาท ก่อนจะเกิดปฏิบัติการซื้อขายหุ้นด้วยพฤติกรรมอำพราง จำนวนประมาณ 1,531 ล้านหุ้น ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อสูบเงินจำนวนหลายพันล้านบาทจากโบรกเกอร์ แต่ “ความแตก” การซื้อขายหุ้น MORE ที่ผิดปกติตรวจสอบพบ และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างรุนแรง

หุ้น MORE ถูกนักลงทุนเทขายหนีตายจนราคาหุ้นลงติดพื้น 30% 5 วันติด สร้างประวัติศาสตร์หุ้นตัวแรกที่ติดฟลอร์ต่อเนื่องยาวนานที่สุด และยัดเยียดความหายนะครั้งใหญ่ให้นักลงทุนกว่า 6 พันราย

MORE กลับสู่หุ้นที่มีแนวโน้มตายซากอีกครั้ง และไม่ว่าผู้บริหารบริษัทฯ จะสร้างข่าวหรือสร้างธุรกรรมอื่นใดขึ้นมาอีกคงไม่สามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาง่ายๆ

คำถามคือ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครเห็นสัญญาณอันตรายในหุ้นตัวนี้เลยหรือ ข่าวดีที่ถูกสร้างขึ้น ธุรกรรมทางธุรกิจต่างๆ มีการติดตามตรวจสอบหรือไม่ว่าจะส่งผลบวกต่อการดำเนินงานจริงหรือไม่

และราคาหุ้นที่ถูกลากขึ้นจนเกือบทะลุ 3 บาท หรือขึ้นมาประมาณ 10 เท่า ภายใน 2 ปี

ตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบหรือไม่ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังการปั่นราคาหุ้นหรือไม่

แม้ตลาดหลักทรัพย์จะใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหุ้น MORE อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นมาตรการส่งสัญญาณเตือนความไม่ปกติของการซื้อขายหุ้น แต่สัญญาณเตือนภัยของตลาดหลักทรัพย์ยังไม่แรงพอ

มาตรการกำกับการซื้อขายหุ้นร้อน โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กยังไม่เข้มข้นมากพอที่จะสยบหุ้นที่มีพฤติกรรมไม่ปกติได้

นักลงทุนจึงตกเป็นเหยื่อสังเวยหุ้น MORE

อย่างไรก็ตาม MORE ไม่ใช่หุ้นขนาดเล็กเพียงตัวเดียวที่มีพฤติกรรมอันตราย แต่ยังมีหุ้นขนาดเล็กอีกหลายสิบบริษัทที่อาจสร้างความเสียหายให้นักลงทุนซ้ำรอย MORE

ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์มีกรณีศึกษาความหายนะจากหุ้น MORE แล้ว แต่จะจัดการอย่างไรกับหุ้นขนาดเล็กที่มีพฤติกรรมการซื้อขายไม่ปกติ โดยผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง และไม่มีปัจจัยพื้นฐานคำนวณความเหมาะสมของราคาหุ้นได้ หลายตัวถูกติดเครื่องหมาย C เพราะฐานะการเงินอ่อนแอ มูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% ของทุนจดทะเบียน

แต่ราคาหุ้นกลับทะยานขึ้นสวนทางกับผลประกอบการที่ตกต่ำและฐานะทางการเงินที่ย่ำแย่

หุ้นเล็กเน่าๆ ผสมปนเปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์และตลาด MAI โดยผู้บริหารหุ้นเน่าเหล่านี้ยังโฆษณาชวนเชื่อที่เกี่ยวแนวโน้มผลประกอบการ ล่อลวงให้นักลงทุนหลงเข้าไปเป็นเหยื่อ ไม่ว่าการสร้างข่าวลงทุนกัญชง-กัญชา หรือการโหนกระแสตั้งเหมือนขุดบิตคอยน์

ปัญหาหุ้นขนาดเล็กเน่าๆ ถูกหยิบยกขึ้นมาถกกันแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพื่อปกป้องนักลงทุนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

แต่ ก.ล.ต.จะจัดการหรือกำจัดหุ้นเน่าที่อยู่ในข่ายสร้างความเสียหายให้นักลงทุนซ้ำรอยหุ้น MORE ได้หรือไม่