ธุรกรรมอำพรางการซื้อขายหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE กำลังนำไปสู่การปฏิรูปครั้งใหญ่ในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น เพื่อปิดช่องโหวไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอย MORE
บริษัทโบรกเกอร์อาจหยิบยกการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ หรือมาร์จิ้นมาพิจารณา และชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียว่า จะกลับไปสู่ระบบเดิมโดยไม่มีมาร์จิ้นซื้อหุ้น
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ หารือร่วมกันเพื่อเพิ่มคุณภาพบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน โดยมีงบการเงิน 3 ปี และทบทวนเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนทางอ้อม หรือแบ็กดอร์ลิสติ้ง
แต่กฎเกณฑ์เพื่อเฟ้นคุณภาพบริษัทจดทะเบียนใหม่ จะเริ่มในปี 2567 ซึ่งหมายถึง ปี 2566 ยังปล่อยผีหุ้นใหม่โดยไม่ปรับเกณฑ์การพิจารณาที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งอาจเปิดช่องให้หุ้นเน่าเข้ามาปล้นเงินนักลงทุนได้อีก 1 ปี
บริษัทจดทะเบียนที่เข้ามาสร้างความเสียหายให้นักลงทุน ไม่ว่าการปั่นหุ้น การโยกย้ายถ่ายถ่ายเททรัพย์สิน การฉ้อฉลเงินของผู้ถือหุ้นในรูปแบบต่างๆ ไม่เป็นเพียงความรับผิดชอบผู้บริหารจดทะเบียนเท่านั้น แต่ยังเป็นความรับผิดชอบของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน
เป็นความรับผิดชอบของผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นที่นำหุ้นมาเสนอขายนักลงทุน เป็นความรับผิดชอบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่อนุมัติรับหุ้นใหม่
และเป็นความรับผิดชอบของ ก.ล.ต.ที่อนุมัติการเสนอขายหุ้น ระดมทุนจากประชาชนเป็นครั้งแรก
บริษัทจดทะเบียนใหม่จำนวนไม่น้อยตบตา ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ โดยแต่งบัญชีงบการเงิน จนเข้าตลาดหุ้นได้สำเร็จ
ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนบางแห่งเทขายหุ้นทิ้งตั้งแต่วันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขาย เช่น บริษัท รอยเนท จำกัด (มหาชน) หรือ ROYNET ซึ่งแต่งบัญชีตบตาคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ จนได้รับอนุมัติให้เข้ามาปล้นเงินนักลงทุน
บริษัทจดทะเบียนบางแห่ง ก่อนเข้าตลาดหุ้นผลประกอบการมีกำไร แต่ระดมเงินจากนักลงทุนแล้ว เพียงปีแรกที่เข้าจดทะเบียน ผลประกอบการกลับพลิกเป็นขาดทุน และขาดทุนต่อเนื่อง จนหุ้นมีสภาพตายซาก รอถูกตะเพิดพ้นตลาดหุ้น
และหุ้นใหม่บางบริษัทเข้ามาวันแรกราคาต่ำกว่าจองทันที นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นเจ็บตัวกันถ้วนหน้า นักเก็งกำไรที่แห่เข้าไปเล่นเจ๊งตามๆ กัน
นักลงทุนจำนวนนับหมื่นนับแสนวอดวายจากหุ้นบริษัทจดทะเบียนใหม่เน่าๆ แต่ไม่เคยมีใครแสดงความรับผิดชอบ เพราะไม่มีแรงกดดันให้แต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ
แทบไม่มีเสียงวิจารณ์จากสื่อสายหุ้นจากหุ้นเน่าที่ตบตาหลักทรัพย์เข้ามาปล้นเงินประชาชนผู้ลงทุน เพราะบริษัทที่ปรึกษาการเงินเกือบทุกบริษัทมีบัญชีรายชื่อสื่อที่ต้องจัดงบ จ่ายเงินค่าปิดปาก ไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์โจมตีหุ้นใหม่
การจ่ายเงินฟาดหัวสื่อ ทำให้บริษัทจดทะเบียนกำหนดราคาหุ้นที่เสนอขายได้สูงๆ บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินทำงานง่าย บริษัทผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นหรืออันเดอร์ไรเตอร์ขายหุ้นคล่อง
ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ และตลาด MAI ไม่ต้องกลัวใครด่าหากปล่อยผ่านหุ้นเน่าเข้ามาสูบเงินนักลงทุน
ทุกฝ่ายเสวยสุขกันหมด โดยสื่อหุ้นบางสำนักมีรายได้จากค่าปิดปากวิพากษ์วิจารณ์หุ้นใหม่ปีละกว่า 10 ล้านบาท ผู้บริหารบริษัทที่ปรึกษาการเงินบางแห่งร่ำรวยเป็นพันๆ ล้านบาท จากการแต่งตัวบริษัทเข้าจดทะเบียน
ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์เบิกบาน เพราะมีสินค้าใหม่เข้ามาจำนวนมาก มีรายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น เมื่อตลาดหลักทรัพย์มีผลกำไรที่ดี ผู้บริหารและพนักงานตลาดหลักทรัพย์จะได้รับการแบ่งสันปันส่วนในรูปเงินโบนัสงามๆ
แต่ประชาชนผู้ลงทุนต้องเผชิญความเสี่ยงจากหุ้นใหม่
มีเสียงเรียกร้องมานาน กระตุ้นให้ตลาดหลักทรัพย์ปรับทัศนคติใหม่ ล้มเลิกนโยบายการรับหุ้นในเชิงปริมาณ และหันมาเน้นการพิจารณาคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนใหม่
เพราะหุ้นในตลาดหลักทรัพย์และตลาด MAI มีประมาณ 1,000 บริษัท ถือว่าสินค้าในตลาดหุ้นมีหลากหลายให้เลือกลงทุนมากพอแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องตั้งเป้ากว้านหาหุ้นใหม่เข้ามาจดทะเบียนปีละ 30-40 บริษัท
ปีไหนไม่มีบริษัทจดทะเบียนคุณภาพดี อาจไม่รับหุ้นใหม่เลยก็ได้
หุ้น MORE เป็นสัญญาณเตือนภัยหุ้นเน่า และการป้องกันหุ้นเน่าไม่ให้เข้ามาปล้นเงินในตลาดหุ้น ต้องเริ่มจาก ก.ล.ต. ซี่งจะต้องพิจารณาอนุมัติการเสนอขายหุ้นระดมเงินจากประชาชนอย่างเข้มข้น
ส่วนตลาดหลักทรัพย์ต้องทบทวนนโยบายรับหุ้นใหม่ในเชิงปริมาณ โดยหันมาเน้นการพิจารณาในเชิงคุณภาพมากขึ้น
หุ้นไม่ดีจริง หุ้นทีมีกลิ่นเน่า หรือมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าจะเข้ามาสร้างความเสียหายให้นักลงทุน อย่ารับเข้าจดทะเบียน
การเปลี่ยนนโยบายรับหุ้นใหม่โดยเน้นในเชิงคุณภาพ เป็นการปฏิรูปเชิงสร้างสรรค์ และควรเริ่มต้นในทันที ทำไมต้องรอถึงปี 2567