หุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE กำลังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ตลาดหุ้น ในฐานะหุ้นที่ทำสถิติตกต่ำติดพื้น 30% หรือติดฟลอร์ 5 วันต่อเนื่อง
นับจากปรับเพดานการขึ้นลงของราคาหุ้นสูงสุด จาก 10% ขยับเพดานสูงสุดเป็น 30% เมื่อประมาณปี 2537 ไม่เคยมีหุ้นตัวใดเคยติดฟลอร์ 5 วันซ้อน
หุ้น MORE ถูกถล่มขายจนราคาติดฟลอร์ หลังจากการทำรายการซื้อขายอำพรางหุ้น MORE ในช่วงเปิดการซื้อขายหรือ ATO จำนวน 1,531.77 ล้านหุ้น ในราคา 2.90 บาท เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน จนราคาลงมาปิดที่ 1.95 บาท หรือตกต่ำสุดติดพื้น 30% เป็นวันแรก
และถูกเทขายจนราคาติดฟลอร์ต่อเนื่องตั้งแต่เปิดการซื้อขายอีก 4 วันทำการ ท่ามกลางแรงซื้อที่เบาบาง จนล่าสุดวันพุธที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ราคาปิดที่ 48 สตางค์
ในอดีตเคยมีหุ้นที่ติดฟลอร์ต่อเนื่องกว่า 10 วันทำการ เช่น หุ้นบริษัทเงินทุน เฟิร์สซิตี้ อินเวสเม้นท์ จำกัด หรือ FCI และหุ้นบริษัท รัตนการเคหะ จำกัด หรือ RR โดยถูกนักลงทุนเทขายด้วยความตื่นตระหนก หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศกล่าวโทษคุณหญิงพัชรี ว่องไพฑูรย์ หรือรัตตกุล พร้อมพวก ในความผิดปั่นหุ้นทั้ง 2 ตัว
แต่ช่วงขณะนั้นเพดานขึ้นลงสูงสุดของหุ้นกำหนดไว้เพียง 10% และเมื่อขยายเพดานขึ้นลงของราคาหุ้นสูงสุดต่ำสุดไม่เกิน 30% ไม่เคยมีหุ้นที่ตกต่ำติดฟลอร์ 5 วันซ้อนมาก่อน
สถิติใหม่หุ้น MORE เป็นสิ่งที่ไม่น่าชื่นชมแน่ แต่กลายเป็นมหาโศกนาฏกรรมสำหรับนักลงทุนจำนวนกว่า 6,000 รายที่ถือหุ้นตัวนี้ติดมือไว้ เพราะแม้จะทำใจยอมตัดขายขาดทุนแล้ว
แต่หุ้นกลับขายไม่ออก เพราะตั้งแต่ติดฟลอร์วันที่ 3 หรือวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แทบไม่มีแรงซื้อหุ้นตัวนี้ โดยมีคำสั่งขายรอคิวยาวเหยียดแต่ละวันหลายร้อยล้านหุ้น แต่มีการเคาะซื้อไม่ถึง 10 ล้านหุ้น และเพิ่งจะมีแรงซื้อระดับ 10 ล้านหุ้นเมื่อวันพุธที่ 22 พฤศจิกายน
นักลงทุนที่ “ติดกับ” หุ้น MORE ทุกข์ทรมานมาก เพราะยอมขายขาดทุนหนักแล้วแต่กลับไม่มีคนรับซื้อ และไม่รู้ว่าจุดต่ำสุดของหุ้นตัวนี้อยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะฟื้น
หากย้อนดูการประเมินมูลค่ายุติธรรมที่ประเมินด้วยวิธีการรวมส่วนกิจการ ซึ่งบริษัท ไอ วี โกลบอล จำกัด (มหาชน) บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ที่เข้ามาประเมินมูลค่ายุติธรรมหุ้น MORE เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 นักลงทุนอาจเศร้าหมองลงอีก
เพราะราคายุติธรรมหุ้น MORE ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระประเมินไว้ กรณีที่บริษัทออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 300 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 5 สตางค์ ขายให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจงกับนายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง MORE ในราคาหุ้นละ 2.28 บาทนั้น
ประเมินราคายุติธรรมหุ้น MORE ไว้ที่ราคา 19-20 สตางค์เท่านั้น
ถ้าใครอ่านรายงานจากบริษัท ไอ วี โกลบอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งแจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนมิถุนายนหรือช่วงกลางปีที่ผ่านมา และไม่มองโลกในแง่ดีเกินไป ไม่อิงภาพลวงตาจากการที่นายอมฤทธิ์ หรือเสี่ยม้อจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 300 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.28บาท ป่านนี้คงขายหุ้นทิ้ง หมดเวรหมดกรรมจากหุ้น MORE ไปแล้ว
แต่นักลงทุนจำนวนกว่า 6 พันคน ยังต้องทุกข์หนักเพราะแบกหุ้น MORE และกว่าจะได้ขายหุ้นตัวนี้ทิ้งอาจหมดตัวกันไปแล้ว
ใครที่อยู่เบื้องหลังลากราคาหุ้น MORE จนมาไกลเกินพื้นฐาน ถือเป็นการสร้างบาปสร้างกรรมกับนักลงทุนตาดำๆ จริงๆ
แต่ยังมีหุ้นตัวเล็กตัวร้าย ยังมีหุ้นอันตรายอีกนับร้อยบริษัท โดยมีเจ้ามือหรือขาใหญ่ใจบาป พร้อมประเคนความย่อยยับให้นักลงทุนที่หลงเข้าไปเล่น
เพียงแต่นักลงทุนคนไหนจะหนีออกทัน ก่อนที่หุ้นตัวเล็กตัวร้ายอีกนับร้อย จะพบจุดจบซ้ำรอยหุ้น MORE เท่านั้น