หลังจากถูกแขวนป้าย “SP” พักการซื้อขายตลอดสัปดาห์ที่ผ่าน เมื่อวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน หุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE กลับมาซื้อขายอีกครั้ง และเป็นไปตามคาดหมาย ราคาทรุดติดฟลอร์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3
MORE เปิดการซื้อขายที่ราคา 96 สตางค์ ลดลง 41 สตางค์ หรือลดลง 29.93% ถือเป็นการลดลดต่ำสุดติดพื้น 30% และยืนราคาติดฟลอร์กระทั่งปิดการซื้อขาย โดยมีมูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 8.53 ล้านบาท โดยมีคำสั่งเสนอขายค้างอยู่อีกจำนวนหลายร้อยล้านหุ้น
การดิ่งลงของ MORE เป็นผลพวงจากการซื้อขายหุ้นที่ไม่ปกติ ช่วง ATO หรือราคาเปิดซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในราคา 2.90 บาท และกำลังสืบสวนสอบสวนกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังคำสั่งซื้อขายจำนวน 1,531.77 ล้านหุ้น วงเงินประมาณ 4,500 ล้านบาท
เพราะเป็นธุรกรรมการซื้อขายที่เข้าข่ายการอำพราง โดยกลุ่มผู้ซื้อผู้ขายเป็นคนกลุ่มเดียวกัน มีเป้าหมายเพื่อสูบเงินจากบริษัทโบรกเกอร์ประมาณ 30 แห่ง
ราคาหุ้น MORE ดิ่งลงติดฟลอร์ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนตื่นตระหนกพากันเทขายหุ้นทิ้ง และแม้จะพักการซื้อขายติดต่อ 5 วันทำการ แต่ความตื่นกลัวผลกระทบยังไม่จางหาย โดยเมื่อเปิดการซื้อขายใหม่นักลงทุนจึงแห่กันเทขายหุ้นทิ้ง ยอมตัดขาดทุนขายในราคาต่ำสุดติดพื้น 30% แต่ปรากฏว่าแทบไม่มีแรงซื้อ
ก่อนหน้านี้ นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 MORE ประกาศว่าจะระดมเพื่อนมารับซื้อหุ้น MORE ที่จะถูกโบรกเกอร์บังคับขาย หรือฟอร์ชเซลล์ เพื่อลดผลกระทบต่อราคาหุ้น
แต่แทบไม่มีแรงซื้อมาต้านทานแรงขายของนักลงทุนแต่อย่างใด แม้ราคาหุ้นจะหลุด 1 บาทแล้วก็ตาม
ราคาหุ้น MORE ถูกลากขึ้นมาต่อเนื่องช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากราคาไม่กี่สิบสตางค์ ก่อนที่นายอมฤทธิ์ หรือเสื่อม้อ จะเข้ามาซื้อขายประมาณกลางปี 2563 ทะยานขึ้นมาเกือบทะลุ 3 บาท จนกระทั่งเกิดธุรกรรมการซื้อขายพิสดาร สร้างความโกลาหลในตลาดหุ้น ราคาจึงปักหัวลง
ผลประกอบการ MORE ขาดทุนต่อเนื่องหลายปี ไม่จ่ายเงินปันผลมายาวนาน แต่ปี 2564 กำไรสุทธิก้าวกระโดด 1,158.67 ล้านบาท เนื่องจากมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้และการขายทรัพย์สิน
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไรจากการดำเนินงาน 22.16 ล้านบาท ซึ่งแม้ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 111.27 ล้านบาท แต่สะท้อนให้เห็นว่า ผลประกอบการ MORE เริ่มกระเตื้อง
ค่าพี/อี เรโช MORE ลดลงเหลือเพียงประมาณ 6 เท่า ทำให้ปัจจัยพื้นฐานหุ้นดูดีขึ้น และอยู่ในข่ายหุ้นเทิร์นอะราวนด์ หรือหุ้นที่ผลประกอบการฟื้นตัว
แต่กลุ่มนายอภิมุข บำรุงวงศ์ หรือไฮโซปิงปอง ก็ลงมือเปิดปฏิบัติการปล้นโบรกเกอร์ผ่านธุรกรรมการซื้อขายหุ้น MORE เสียก่อน และมีการพาดพิงถึงเสี่ยม้อ
ซี่งต้องรอผลสอบสวนจากตำรวจว่า เสี่ยม้อเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังการซื้อขายหุ้น MORE เช้าวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายนหรือไม่
การถล่มขายหุ้น MORE จนติดฟลอร์ 3 วัน และติดฟลอร์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ทันทีที่เปิดการซื้อขายวันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นผลจากความตื่นตระหนก รวมทั้งนักลงทุนที่ถือวอร์แรนต์หรือใบสำคัญสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ และนำวอร์แรนต์ไปแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญจำนวน 345.87 ล้านหุ้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา ในราคาหุ้นละ 2 บาทด้วย
ทุกคนเทขายในลักษณะหนีตาย ยอมสละเรือ ยอมตัดความสูญเสีย เพราะไม่รู้ว่ารอบนี้ MORE จะลงไปลึกขนาดไหน จะติดฟลอร์อีกกี่วัน จึงตัดสินใจเผ่นออกดีกว่า
ราคาหุ้น MORE กำลังถอยร่น และถ้าลงติดฟลอร์อีกราคาจะใกล้เคียงกับต้นทุนหุ้นที่เสี่ยม้อเข้ามาซื้อเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนที่ราคา 50 สตางค์ และแม้ราคาลงรูดมาติดดินแล้ว แต่ไม่ควรจะมีนักลงทนเป็น “ชาวสวน” เข้าไปซื้อหุ้นสวน
เพราะสถานการณ์หุ้น MORE ยังคุกรุ่น ปฏิบัติการปล้นโบรกเกอร์ 4.5 พันล้านบาท ยังไม่รู้ว่าจะมีใครใน MORE เข้าร่วมแก๊งด้วยหรือไม่
ถ้ามีใครในร่วมขบวนการกับนายอภิมุข บำรุงวงศ์ หรือไฮโซปิงปอง หุ้น MORE คงกลับบ้านเก่าอย่างถาวร
น่าเห็นใจแทนนักลงทุนที่เข้าไปเล่นหุ้นตัวนี้ จนเสียหายหนักจริงๆ