เบื้องหลังความปั่นป่วนของหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยเฉพาะรายการซื้อขายช่วงเปิดตลาดหรือรายการ ATO เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา จำนวน 1,531.77ล้านหุ้น ในราคา 2.90 บาทนั้น คนในวงการโบรกเกอร์กำลังเพ่งเล็งไปที่นักลงทุนขาใหญ่รายหนึ่ง โดยเชื่อว่าเป็นผู้วางแผนปฏิบัติปล้นเงินจากโบรกเกอร์ โดยใช้หุ้น MORE เป็นเครื่องมือ
นักลงทุนขาใหญ่รายนี้มีพฤติกรรมสร้างราคาหุ้นขนาดเล็กหลายตัว โดยมีการตั้งตัวแทนของนอมินีจำนวนหลายสิบคน และใช้วิธีสร้างภาพลวงตา โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้นระหว่างนอมินี พร้อมกับการปล่อยข่าวกระตุ้นการเก็งกำไร เมื่อนักลงทุนรายย่อยตามแห่เก็งกำไร และราคาหุ้นปรับตัวขึ้น นักลงทุนขาใหญ่รายนี้จะเทขายหุ้น และย้ายไปปั่นหุ้นตัวอื่นต่อ
สำหรับการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้น MORE ในราคา ATO ที่หุ้นละ 2.90 บาทนั้น ขาใหญ่รายนี้น่าจะวางแผนมานานแล้ว และเลียนแบบวิธีการมาจากแก๊งตกทอง โดยให้นอมินีเปิดบัญชีไว้กับโบรกเกอร์หลายสิบแห่ง ใช้หุ้น MORE เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน และขอวงเงินสินเชื่อเพื่อซื้อหุ้น หรือมาร์จิ้น โดยเมื่อนำหุ้น MORE วางเป็นหลักประกัน 50 ล้านหุ้น สามารถสั่งซื้อหุ้น MORE ได้ 150 ล้านหุ้น
ขณะเดียวกัน ได้ให้นอมินีนำหุ้น MORE จำนวนกว่า 1,531 ล้านหุ้น ไปเปิดบัญชีไว้กับโบรกเกอร์อีกหลายสิบแห่ง และนัดหมายกันในวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน โดยนอมินีที่เปิดบัญชีไว้กับโบรกเกอร์ประมาณ 11 ราย จะสั่งซื้อหุ้นช่วง ATO ในราคาหุ้นละ 2.90 บาท จำนวนรวมกัน 1,531.77 ล้านหุ้น ส่วนนอมินีฝั่งขาย และเตรียมหุ้นไว้ในพอร์ตที่เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์กว่า 20 แห่ง จะตั้งขายในราคาเปิด
แผนปล้นเงินจากโบรกเกอร์ในรูปแบบแก๊งตกทองสำเร็จตามความคาดหมาย เพราะมีรายการซื้อขายหุ้น MORE ในราคา ATO จำนวน 1,531.77 ล้านหุ้น โดยหุ้นที่นอมินีสั่งซื้อไว้ ในวันจันทร์นี้จะไม่ชำระราคาให้โบรกเกอร์ที่รับคำสั่งซื้อ ยอมให้ถูกยึดหลักประกัน แต่นอมีนีที่สั่งขายจะรอรับชำระราคาค่าสั่งขาย รวมเป็นเงินทั้งหมดประมาณ 4,500 ล้านบาท
หุ้น MORE ที่นอมินีขาใหญ่วางเป็นหลักทรัพย์คำประกันกับโบรกเกอร์ประมาณ 11 แห่ง มีจำนวนประมาณ 500 ล้านหุ้น หรือมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท แต่เงินจากการขายหุ้น MORE ผ่านนอมินีมีจำนวนประมาณ 4,500 ล้านบาท
งานนี้จึงเป็นการนำเงินประมาณ 1,500 ล้านบาท ไปแลกกับเงินจำนวนประมาณ 4,500 ล้านบาท ซึ่งหักแล้วจะมีส่วนต่างคงเหลือประมาณ 3,000 ล้านบาท และเป็นกำไรที่เกิดขึ้นบนความย่อยยับของโบรกเกอร์ประมาณ 30 ราย
ถ้าไม่สามารถระงับการชำระราคาค่าซื้อขายหุ้น MORE ในวันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายนนี้ได้ อาจมีโบรกเกอร์หลายเบอร์ต้องล้มตาย เพราะขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถชำระราคาหุ้นที่สั่งซื้อได้
ส่วนนักลงทุนขาใหญ่ที่ใช้วิธีการตกทองหุ้น MORE จะกวาดเงินก้อนโตจำนวน 3,000 ล้านบาทออกไปอย่างลอยนวล
เป็นที่น่าสังเกตว่า หุ้น MORE ที่ทำรายการ ATO จำนวน 1,531.77 ล้านหุ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เป็นจำนวนใกล้เคียงกับหุ้นที่นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ MORE ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง โดยถือหุ้น MORE จำนวนทั้งสิ้น 1,547.20 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 23.69% ของทุนจดทะเบียน
ไม่สามารถระบุว่าเสี่ยม้อ หรือนายอมฤทธิ์ เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการปล้นเงินจากโบรกเกอร์ในครั้งนี้หรือไม่ แต่ชื่อของเสี่ยม้อถูกพาดพิงอยู่เหมือนกัน
สิ่งที่หลายโบรกเกอร์กำลังตั้งคำถามกันอยู่คือ นักลงทุนขาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังคำสั่งซื้อขายหุ้น MORE อันพิสดารล้ำลึกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่
หรือเผ่นไปตั้งหลัก นอนรอรับเงินจากแผนตกทองหุ้น MORE อยู่ต่างประเทศแล้ว