“คุณาลัยฯ” ถอดบทเรียนวิกฤต “โควิด-19” คิดทางรอด ทางหนีให้แก่องค์กร พร้อมงัดแผนพัฒนาธุรกิจรับการเติบโต เร่ง "สตาร์ทดี้" โมเดลใหม่ ทำตลาดเจาะกำลังซื้อลูกค้าต่างชาติ แย้มสูตรทำบ้านเดี่ยวปล่อยเช่า 10 ปี เสริมพอร์ตรายได้ประจำสู้วิกฤต เตรียมค่าใช้จ่ายรองรับในอนาคต เผยอาจนำร่องกับโครงการใหม่ในทิศที่ 3
นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพื่อขาย โดยเน้นพื้นที่ในเขตปริมณฑล โดยเฉพาะอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี กับแผนขยายการลงทุนโครงการให้ครบ 4 ทิศ รอบกรุงเทพฯ (เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงศักยภาพของบริษัทในฐานะที่มีรากฐานธุรกิจมาจากนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ว่า เรากำลังมองหาตลาดและเข้าไปหาโอกาสเสนอบริการให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งจะเป็น "จิ๊กซอว์" ธุรกิจใหม่ ที่จะมารองรับฐานการเติบโตของบริษัท โดยแนวทางดังกล่าวได้ "สตาร์ทดี้" ตั้งแต่เกิดโควิด-19
"เราผ่านวิกฤตมาหลายรอบ วิกฤตเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการทำธุรกิจ เดี๋ยวเราต้องเจอ ถ้าเราเจอเร็วก็ทำให้เราปรับตัวได้เร็วขึ้น ได้สร้างกล้ามเนื้อใหม่ขึ้นมาให้แข็งแรงขึ้น ในทุกๆ วิกฤตเราจะเรียนรู้และเตรียมตัว สิ่งที่เราได้อ่านมาตลอด คือ ต่างชาติหายไป และเกิดคำถามตลอดว่าถ้าต่างชาติกลับมา รูปแบบการกลับมาจะเป็นอย่างไร เรามองว่าบ้านจัดสรรอาจจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าต่างชาติ ที่ผ่านมา เรา (คุณาลัย) มีลูกค้าต่างชาติน้อยหรือแทบจะไม่มีเลย เลยไม่กระเทือน แต่ถ้าเงื่อนไขการเติบโตของเรา ต่างชาติกลับมาได้ จริงๆ ประเทศไทยน่าอยู่ เราเลยคิดว่า ทำอย่างไรที่แบรนด์คุณาลัยจะขายลูกค้ากลุ่มต่างชาติได้"
นางประวีรัตน์ อธิบายให้เห็นถึงความเป็นไปได้ ซึ่งกฎหมายยังไม่ได้ให้สิทธิต่างชาติซื้อบ้านจัดสรร ว่า เรากำลังศึกษาวิธีที่จะรองรับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ และคิดว่าอาจจะทำบริการให้ลูกค้าต่างชาติเมื่อกลับมาประเทศไทยได้อีกครั้ง เนื่องจากเชื่อว่า พฤติกรรมลูกค้าต่างชาติต้องการพื้นที่มากขึ้น โครงการแนวราบน่าจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ เราอาจจะทำในรูปแบบเช่าระยะ 10 ปี บางโครงการเราไม่จำเป็นต้องขายก็ได้ หรือมีบริการอื่นๆ ซึ่งโมเดลธุรกิจใหม่เป็นส่วนหนึ่งในแกนของโครงสร้างที่อยู่ในแผนสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจคุณาลัยฯ
"คุณพ่อบอกว่า ปล่อยเช่าต่างชาติได้ ยกตัวอย่าง เงื่อนไข 10 ปี แล้วมีเงื่อนไขรับซื้อคืน สามารถนำมาปรับปรุงใหม่ รูปแบบนี้เราอาจจะได้เห็นกับโครงการใหม่ในทิศที่ 3 ใกล้กรุงเทพฯ มาก และมีความพิเศษที่จะเป็นปอดของกรุงเทพฯ ได้ เวลาดิฉันไปเมืองนอก เรียน 5 ปี ก็เช่า 5 ปี หรือซื้อบ้านก็ได้ หรือเช่าก็ได้ และวันสุดท้ายขายคืน เราก็ได้ค่าเช่าคืน หากจะทำจริงๆ ก็ต้องมีการแบ่งโซนให้ชัดเจน ช่วงโควิด-19 ทำให้เราคิด ควรคิดทางหนีให้แก่ธุรกิจด้วย จริงๆ แล้วหากมองธุรกิจของบริษัทคุณาลัยแล้ว แกนหลักเราคือ การพัฒนาโครงการหมู่บ้านจัดสรร แต่จริงๆ.แล้ว ในอนาคตอันใกล้เงินบริษัทจะมีเหลือ ต้องคิดใช้เงินล่วงหน้า"
ทั้งนี้ การสร้างความเจริญเติบโตให้แก่บริษัทฯ อาจมองได้ทั้งแบบเสี่ยงสูง กำไรเยอะ หรือเสี่ยงต่ำ กำไรระยะยาว หรือลงทุนแบบสร้างรายได้ประจำ หรือลงทุน แต่ทั้งหมดแล้วเราต้องกลับมามองจุดเริ่มต้นของธุรกิจเรา ต้องนำเงินเหลือมาต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ เรามองโมเดลต่างชาติ เพราะเรามีบ้าน มีที่ดิน ทำต้นทุนได้ เสนอเซอร์วิสได้ ต่อยอดตรงนี้ได้
"เมื่อก่อนยังไม่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 เราอาจจะคิดเบาๆ แต่โควิด-19 มาระลอกนี้ เราเห็นชาวต่างชาติชอบประเทศไทยมาก คิดว่าโมเดลนี้ ปี 2565 ได้เห็นแน่ แอสเสทของบริษัทคุณาลัยมีมาก เราศึกษา ถ้าต่างชาติชอบอยู่กับคนไทยก็อาจจะ Mix รวมอยู่กับคนไทย แต่ถ้าผลศึกษาไม่ใช่ก็ต้องแยก แต่ไม่ใช่แยกให้ไปอยู่ไกลๆ เราต้องคำนึงถึงสิ่งอำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติด้วย เรามีกระแสเงินสดเข้ามาเช่นกัน มีรายได้ประจำจากการทำตลาดกลับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ จะช่วยมาเสริมฐานลูกค้าในบางช่วงเวลาที่เกิดปัญหา และเกิดประโยชน์หากต้องนำเสนอข้อมูลกับต่างประเทศได้ด้วย (กรณีออกไปโรดโชว์) เราอาจจะมีพันธมิตรมาเซอร์วิส เช่น โรงพยาบาล หรือบริการซักรีด เป็นต้น ขณะเดียวกัน โมเดลแบบนี้มาประยุกต์ใช้กับกับลูกค้าทั่วไปในการเช่าอยู่ก่อนได้ ต้องเข้าใจว่าความจำเป็นของคนไม่เหมือนกัน ปัญหาต่างกัน ภาระหนักและเบาไม่เท่ากัน แต่เมื่อสามารถยื่นกู้ผ่านกับสถาบันการเงินได้จะสามารถมีบ้านเป็นของตนเอง สิ่งที่จะเป็นผลดีต่อองค์กรในระยะยาวนั้น สมมติ คุณาลัยมีรายได้ประจำเดือนละ 1-2 ล้านบาท พอกับค่าใช้จ่ายดูแลพนักงานหรือไม่ ถ้าพอก็ประคองกันไปให้ผ่านพ้นวิกฤต พนักงานไม่ได้ผิด แต่เป็นวิกฤต ธุรกิจไม่ได้ล่ม"