บมจ. แอสเซทไวส์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรพร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 28 เม.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 7,473 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “ASW”
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมต้อนรับ บมจ. แอสเซทไวส์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “ASW” ในวันที่ 28 เมษายน 2564
ASW ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (holding company) ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและธุรกิจรับฝากขายอสังหาริมทรัพย์ และตัวแทนรับชำระเงินจากต่างประเทศเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายอย่างครบด้าน โดย ณ สิ้นปี 2563 ASW เปิดขายโครงการมาแล้วทั้งหมด 33 โครงการและมีโครงการห้องชุดที่ทำสัญญาซื้อขายและแต่ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ มูลค่ารวม 7,848 ล้านบาทซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2566 และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในปี 2564 ประมาณ 5,300 ล้านบาท รวมทั้งมีแผนเปิดโครงการในอนาคต 11 โครงการที่คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า มูลค่ารวม 21,202 ล้านบาท
ASW มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 761 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 555 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 206 ล้านหุ้น โดยเสนอขายบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 142.4 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณ 30.8 ล้านหุ้น นักลงทุนสถาบัน 20 ล้านหุ้นและกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย 12.8 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 9.82 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 2,022.92 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 7,473.02 ล้านบาท โดยมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แอสเซทไวส์ (ASW) เปิดเผยว่าการนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับบริษัทฯ และเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงินของบริษัท ทั้งในแง่ของต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ความเชื่อมั่นของคู่ค้า และผู้บริโภค รวมถึงเพิ่มโอกาสในการขยายลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่ ผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตตามแผนงานที่วางไว้ โดย ASW มีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมทั้งแบบ High Rise และ Low Rise และโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ รวมถึงนำเงินส่วนหนึ่งไปคืนหนี้สถาบันการเงิน และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ ASW มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) ครอบครัววิพันธ์พงษ์ ถือหุ้น 69.82% 2) นายประชา กนิลฐานนท์ ถือหุ้น 1.12% และ 3) นายสุเชฎฐ์ ฤทธีภมร ถือหุ้น 0.70% ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 9.82 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 8.54 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งเท่ากับ 873.9 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.15 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่าย ปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมภายหลังจากหักภาษี และทุนสำรองตามกฎหมาย