xs
xsm
sm
md
lg

ได้เวลากลับตลาดหุ้น / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้ว่าจะเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พุ่งขึ้นไปยืนที่ระดับ 29,950.44 จุด และเป็นจุดสูงสุดใหม่นับแต่ก่อตั้งตลาดหุ้น ลบสถิติสูงสุดเดิมก่อนวิกฤต “โควิด-19” เสียอีก

ก่อนการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่งสร้างจุดสูงสุดใหม่ ทะลุ 29,300 จุด เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นทรุดฮวบลง จนลงไปต่ำสุดที่ระดับ 18,000 จุด

การอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เงินล้นระบบ และไหลเข้าตลาดหุ้น จนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวกลับ สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ ช่วยให้นักลงทุนสหรัฐฯ ได้รับการเยียวยาเป็นที่เรียบร้อย

แต่สำหรับ ตลาดหุ้นไทยยังห่างไกลจากจุดสูงสุดเดิมก่อนวิกฤต “โควิด-19” โดยปีนี้ไม่ได้เห็นการสร้างสถิติสูงสุดใหม่แน่ๆ

ดัชนีหุ้นเคยพุ่งขึ้นสูงสุดที่ระดับ 1,600 จุด เมื่อต้นเดือนมกราคม แต่หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจีน เกิดการเทขายหุ้น จนดัชนีดิ่งลงอย่างรุนแรงวันละนับ 100 จุด และระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นลงไปสร้างจุดต่ำสุดที่ระดับ 969 จุด

ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ดัชนีปิดที่ระดับ 1,349.81 จุด ห่างจากจุดสูงสุดเดิมประมาณ 251 จุด 

แม้ว่าประเทศไทยจะได้รับคำชมเชยด้านสาธารณสุข เพราะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีเยี่ยม แต่กลับ ได้รับผลกระทบจากเชื้อมรณะอย่างหนักหน่วง เนื่องจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจผูกติดกับรายได้การส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก 

เมื่อประเทศคู่ค้าสำคัญถูกผลกระทบจาก “โควิด-19” ทำให้ความต้องการสั่งซื้อสินค้าลดลง ยอดการส่งออกจึงหดตัว ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวซบเซาอย่างหนัก ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดฮวบ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวรอวันตาย เศรษฐกิจไทยจึงทรุด

อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีงวด 9 เดือนแรกปีนี้ลดลงประมาณ 6.7% โดยไตรมาสที่ 3 ลดลง 6.4% ซึ่งดีกว่าความคาดหมาย ทำให้ สภาพัฒน์ปรับประมาณการจีดีพีปีนี้ใหม่ โดยคาดว่าจะหดตัวเหลือเพียง 6% จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัวลงเกือบ 8% 

แต่จีดีพีที่หดตัวต่ำกว่าความคาดหมาย ไม่ได้เป็นข่าวดีที่กระตุ้นตลาดหุ้นให้ฟื้นคืนสู่ความคึกคัก เพราะยังมีสถานการณ์การเมืองภายในประเทศเป็นอีกปัจจัยที่กดดัน โดยเฉพาะม็อบคณะราษฎรที่ยังเดินหน้า ยืนกรานเรียกร้อง 3 ข้อ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาการเผชิญหน้าของกลุ่มคนที่เห็นต่าง จนไม่อาจคาดหมายได้ว่า จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงตามมาหรือไม่

ความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนต้าน “โควิด-19” ทยอยประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง จนการผลิตวัคซีนคงจะเกิดขึ้นเร็วกว่าคาดหวังกันไว้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติมากขึ้น ผลกระทบจากเชื้อมรณะจะสิ้นสุดลง

ถ้าการพัฒนาวัคซีนสำเร็จ จะเป็นข่าวดีชิ้นใหญ่ที่กระตุ้นให้ตลาดหุ้นกลับสู่ความคึกคักเต็มตัว เพราะนักลงทุนจะแห่กลับมาไล่ช้อนซื้อหุ้น ดักเก็งกำไรกันล่วงหน้า โดยไม่รอให้เศรษฐกิจฟื้น

ดัชนีหุ้นไทยก็มีโอกาสสร้างจุดสูงสุดใหม่ ผ่านทะลุระดับ 1,600 จุด ได้ภายในเวลาสั้นๆ ได้

ถ้าไม่มีปัจจัยการเมืองภายในประเทศมากดดันแล้ว แนวโน้มตลาดหุ้นไทยกำลังเปลี่ยนไปสู่ขาขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดีดตัวแรง การกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ และความคาดหวังวัคซีนที่จะมาดับวิกฤต “โควิด-19”

ใครที่ยังไม่กลับตลาดหุ้นน่าไตร่ตรองดู ได้เวลากลับมาเลือกช้อนหุ้นเก็บหรือยัง






กำลังโหลดความคิดเห็น