ชัยชนะของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ กำลังเป็นข่าวดีชิ้นใหญ่ที่อาจพลิกสถานการณ์ตลาดหุ้นให้กลับสู่ความคึกคัก จนดัชนีหุ้นอาจจะวิ่งไปแตะที่ระดับ 1,300 จุดได้
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์โบรกเกอร์สำนักต่างๆ กำลังปรับประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปีใหม่ โดยคาดหมายว่า อาจจะพุ่งไปแตะระดับ 1,300 จุด หรือมากกว่า
เพราะการที่นายโจ ไบเดน จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทนนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำให้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนผ่อนคลายลง และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมา
ตั้งแต่นายไบเดน มีคะแนนนำ และมีแนวโน้มว่าจะชนะการเลือกตั้ง นักลงทุนทั่วโลกก็กระโจนเข้าตลาดหุ้น ไล่ซื้อหุ้นกันฝุ่นตลบ จนดัชนีหุ้นทั่วโลกพุ่งทะยาน รวมทั้งตลาดหุ้นไทยที่พุ่งขึ้นกว่า 41 จุด ในการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข่าวดีชิ้นใหญ่ที่จะกระตุ้นให้กลับหัวสู่ช่วงขาขึ้น แต่หุ้นได้ซึมซับรับข่าวดีไปล่วงหน้าระดับหนึ่งแล้ว นอกจากนั้น ปัจจัยลบในหลายด้านยังไม่ได้หายไป ไม่ว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศ ซึ่งจะบั่นทอนเศรษฐกิจโลก
ขณะที่สถานการณ์การเมืองภายในประเทศยังร้อนระอุ การชุมนุมของม็อบคณะราษฎรยังดำเนินต่อไป และข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ คงไม่ได้รับการตอบสนองได้ครบ ทำให้ม็อบต้องเคลื่อนไหวเรียกร้องต่อไป โดยไม่มีใครประเมินได้ว่า เหตุการณ์จะจบอย่างไร เกิดความรุนแรงตามมาหรือไม่
ดังนั้น ตลาดหุ้นไม่ได้สดใสเสียทีเดียว เพราะยังมีปัจจัยกระทบ มีสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าจับตา เพราะอาจส่งผลกระทบจนหุ้นเกิดความพลิกผันได้
ตลาดหุ้นไทยใช่ว่าจะถูกนัก เพราะมีค่าพี/อี เรโช เฉลี่ย 21.79 เท่า สูงกว่าค่าพี/อี เรโช เฉลี่ยของตลาดหุ้นย่านเอเชีย เพียงแต่อัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ในระดับสูงคือ 3.96%
นักลงทุนต่างชาติยังไม่ส่งสัญญาณกลับมา แม้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะออกมาเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโลก แต่ต่างชาติก็ยังขายไม่เลิก สะท้อนให้เห็นว่า ต่างชาติยังไม่มีมุมมองที่ดีกับตลาดหุ้นไทย
ยังมองโลกสวยเสียทีเดียวไม่ได้ว่า หุ้นจะกลับสู่ขาขึ้นเต็มตัว เพราะยังมีปัจจัยลบที่ปกคลุมอยู่ และนักลงทุนต้องระวัง
ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังถือเป็นปัจจัยกระตุ้น ซึ่งช่วยฉุดดัชนีหุ้นให้ดีดกลับ จากหลุดระดับ 1,200 จุด และมีแนวโน้มที่จะทรุดลงไปแตะระดับ 1,150 จุด แต่กลับพุ่งขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,260 จุด ได้ แถมมีโอกาสลุ้นระดับ 1,300 จุดอีกด้วย
แต่จะเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้น ปลุกให้หุ้นคึกคัก เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ยืดเส้นยืดสาย เก็งกำไรกันได้รอบหนึ่ง ก่อนที่จะกลับสู่โลกแห่งความจริงว่า
ตลาดหุ้นยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ ทั้งผลกระทบการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” และสถานการณ์การเมืองเองที่ร้อนระอุ จนสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างม็อบที่มีความเห็นต่าง หรือเหตุการณ์ความรุนแรงซ้ำรอยอดีต จึงผลีผลามไล่ช้อนหุ้นไม่ได้
เพราะการขึ้นรอบใหญ่ยังมาไม่ถึง ข่าวดีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นเพียงข่าวดีที่จะทำหุ้นฟื้นตัวได้รอบเล็กเท่านั้น
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ จะช่วยกอบกู้วิกฤต “โควิด-19” ในสหรัฐฯ ได้ขนาดไหน และจะช่วยพลิกฟื้นเศรษกิจโลก พลิกตลาดหุ้นกลับสู่ความสดใสได้จริงหรือ