แม้จะมีข่าวร้ายรุมกระหน่ำ ทั้งจากภายในและภายนอก แต่ตลาดหุ้นไม่ได้เกิดความผันผวนรุนแรงมากนัก โดยดัชนีหุ้นยังสามารถยืนอยู่เหนือระดับ 1,200 จุดได้ เพราะแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาพยุง
นักลงทุนรายย่อยในประเทศปักหลักซื้อหุ้นมาตลอด ขณะที่ นักลงทุนต่างประเทศเทขายไม่เลิก ส่วนนักลงทุนสถาบัน ถล่มขายหุ้นอย่างหนักมาหลายวันติดต่อ โดยนักลงทุนรายย่อยมียอดซื้อหุ้นสะสมสุทธินับจากต้นปีจำนวน 2.32 แสนล้านบาท และกลายเป็นกลุ่มที่ขาดทุนมากที่สุด เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลง
ดัชนีหุ้นทำท่าจะหลุดระดับ 1,200 จุดหลายครั้งแล้ว แต่สามารถดีดกลับขึ้นมาได้ รวมทั้งระหว่างชั่วโมงซื้อขายเมื่อวันอังคารที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งดัชนีหุ้นทรุดลงไปที่ระดับ 1,197.74 จุด และเป็นจุดต่ำสุดในรอบนี้ ก่อนจะขยับขึ้นมาปิดที่ 1,208.95 จุด
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างหนักในระยะสั้น เกิดจากผลกระทบของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศ ฉุดเศรษฐกิจโลกให้ทรุดหนัก และผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของม็อบคณะราษฎร
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์และนักลงทุน จะให้น้ำหนักกับสถานการณ์การเมืองภายในประเทศมากกว่า โดยถือเป็นปัจจัยชี้นำการลงทุนที่สำคัญ และเป็นปัจจัยที่ไม่อาจคาดหมายได้ว่าจะมีข้อยุติอย่างใด จะจบลงเมื่อไหร่ ทำให้ไม่สามารถประเมินทิศทางการลงทุนได้
เริ่มมีการตั้งสมมติฐานกันแล้วเกี่ยวกับผลกระทบจากม็อบคณะราษฎร โดยโบรกเกอร์บางสำนักมองว่า ถ้าการเคลื่อนไหวของม็อบลุกลามบานปลาย จนเกิดเหตุการณ์รุนแรงซ้ำรอยอดีต ดัชนีหุ้นจะไม่เพียงหลุดแนวรับสำคัญระดับ 1,200 จุดเท่านั้น แต่อาจดิ่งลงลึกถึงระดับ 1,000 จุดได้
แม้จะเป็นการประเมินตลาดหุ้นในแง่ร้าย แต่ท่ามกลางปัจจัยลบที่รุมกระหน่ำ ทั้งผลกระทบจากวิกฤต “โควิด-19” และยังถูกซ้ำเติมด้วยสถานการณ์การเมืองที่ยังมองไม่เห็นทางออก จนเกรงกันว่าจะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ทุกอย่างจึงมีความเป็นไปได้หมด
แต่ถ้าไม่เกิดเหตุร้ายทางการเมือง ดัชนีหุ้น 1,000 จุด คงไม่ได้เห็น เพราะลงมาระดับ 1,200 จุด นักลงทุนรายย่อยก็แห่เข้ามาช้อนหุ้นเก็บกัน เพราะมองว่า เป็นระดับราคาที่ต่ำ น่าจะซึมซับรับข่าวร้ายต่างๆ ไปมากแล้ว
และโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ได้แนะนำให้นักลงทุนระยะยาว เริ่มทยอยเก็บหุ้นสะสมแถวดัชนีหุ้นระดับ 1,200 จุดอีกด้วย
แนวรับระดับ 1,200 จุด ต้องถือว่ามีความแข็งแกร่ง เพราะสามารถต้านข่าวร้ายมาแล้วหลายรอบ ทนทานต่อแรงขายของต่างชาติและกองทุนในประเทศ แต่ถ้าสถานการณ์โควิด-19 ยังระบาดต่อไป ม็อบคณะราษฎรยืดเยื้อ และเกิดการเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่เห็นต่าง
1,200 จุดจะยืนอยู่หรือไม่ และนักลงทุนรายย่อยใจยังสู้อยู่หรือเปล่า เงินยังเหลือที่จะช้อนซื้อหุ้นอีกหรือไม่
สำหรับ นักลงทุนต่างประเทศ แทบไม่ต้องหวัง ปีนี้คงไม่ขนเงินกลับเข้ามาแน่ ขอเพียงไม่ให้ถล่มขายหุ้นหนักๆ ก็พอ
ส่วนกองทุนในประเทศไม่อาจประเมินกลยุทธ์การลงทุนได้ จะกลับมาซื้อหรือระบายหุ้นต่อ ขึ้นอยู่กับมุมมองผลกระทบจากสถานการณ์การเมือง
ตลาดหุ้นระยะสั้นยังเปราะบาง มีความเสี่ยงที่จะเกิดความผันผวน มีความเป็นไปได้ที่ดัชนีหุ้นจะหลุด 1,200 จุด
ถ้าหลุด หมายถึงแนวรับทางจิตวิทยาที่แข็งแกร่งถูกทำลาย และอาจต้องถอยร่นไปสู่แนวรับถัดไปที่ระดับ 1,150 จุด
นักวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคช่วงนี้พูดกันแต่แนวรับ แทบไม่พูดถึงแนวต้านกันเลย เพราะไม่เห็นสัญญาณดีๆ ที่จะทำให้หุ้นโงหัวขึ้น