บมจ.บีซีพีจี ตั้งงบลงทุน 5 ปี 64-68 มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท ขยายการลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ พร้อมรักษาการเติบโต EBITDA เฉลี่ยที่ 13-15% จนถึงปี 68 เริ่มทยอย COD 4 โครงการในญี่ปุ่น 75 MW ตั้งแต่ปี 64-65 ด้าน โบรกเกอร์ปรับลดประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปีนี้ 13.3% แต่ยังแนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 17.30 บาท
นายชาญวิทย์ ตรังอดิศัยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจองค์กร บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในช่วง 5 ปี (64-68) จำนวน 40,000 ล้านบาท โดยปี 2564 จะใช้งบประมาณลงทุนที่ 18,000 ล้านบาท ซึ่งงบดังกล่าวมาจากการเพิ่มทุนของบริษัทประมาณ 10,235 ล้านบาท
สำหรับการระดมทุนครั้งนี้จะใช้ในโครงการต่างๆ ที่ลงทุนไปก่อนหน้า รวมถึงนำเงินไปชำระเงินกู้ที่นำมาลงทุนในโครงการต่างๆ ในแผนด้วย ประกอบด้วย
1.โครงการ Swan พลังงานลมในลาว กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติแผนรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการดังกล่าวแล้ว รวมถึงการก่อสร้างสายส่งขนาด 500 กิโลวัตต์เพื่อรองรับการซื้อไฟฟ้า โดยบริษัทจะใช้เงินลงทุนตามสัดส่วนถือหุ้น 45% จำนวน 3,570 ล้านบาท เป็นการลงทุนรวมงานก่อสร้างสายส่ง
2.โครงการ Peony วงเงิน 1,210 ล้านบาท 3.โครงการ Nam San 3A และ 3B วงเงิน 1,870 ล้านบาท และโครงการใหม่ 3,700 ล้านบาท
รักษา EBITDA เฉลี่ยที่ 13-15% ต่อปี ถึงปี 2568
นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรักษาการเติบโตของ EBITDA เฉลี่ยที่ 13-15% ต่อปี ไปจนถึงปี 68 ผ่านการก่อสร้างโครงการต่างๆ ให้เร็ว หรือการซื้อกิจการใหม่ๆ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการมีอยู่ ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม จะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพิ่มเติมเพื่อให้ต้นทุนที่ต่ำลง เป็นต้น
สำหรับความคืบหน้า 4 โครงการในญี่ปุ่น กำลังการผลิตรวม 75 เมกะวัตต์นั้น ประกอบด้วย 1.Komagane กำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ คาดเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 64 2.Yabuki กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ คาดจะ COD ได้ครึ่งปีหลังของปี 64 3.Chiba1 กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ คาด COD ได้ ไตรมาส 3 ปี 64 และ 4.Chiba2 กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ คาด COD ได้ ครึ่งปีหลังปี 65
ส่วนกำลังการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 861.9 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นที่โครงการที่ดำเนินการแล้ว 472 เมกะวัตต์ และอีก 390 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างแผนการพัฒนา โดยครอบคลุมใน 5 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ลาว และฟิลิปปินส์
เคจีไอแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 17.30 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.เคจีไอ ระบุว่า ได้ปรับลดประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2563 ลง 13.3% จากการปรับลดสมมติฐาน capacity factor ลงหลังจากที่ capacity factor ใน 1H63 ออกมาต่ำ โดยปรับลดสมมติฐาน capacity factor ของโครงการ Nam San 3A และ 3B ในปีนี้ลงจาก 49% และ 53% เหลือ 45% และ 45% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม capacity factor เฉลี่ยในปัจจุบันของโครงการ Nam San 3A และ 3B สูงถึง 78% ในเดือนสิงหาคม 2563 ซึ่งจะช่วยหนุนให้กำไรจากธุรกิจหลักสูงสุดในรอบปีนี้ใน 3Q63
ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2021 ที่ 17.30 บาท โดยได้รวมผลจาก dilution (PP, RO, W1-3) เข้าไว้ในราคาเป้าหมายใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยใช้จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นในการคำนวณ EPS จากการแปลง warrants ตามกำหนดเวลา (Figure 3) และใช้สมมติฐาน EPS เฉลี่ย (fully diluted) อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า EPS จะเกิด dilution ในระยะสั้น แต่เราเชื่อว่า EPS ก็จะเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการอื่นด้วย