xs
xsm
sm
md
lg

บีซีพีจีเพิ่มทุนหมื่นล้านบาท พร้อมแจกปันผลไม่ต่ำกว่า 40%

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บีซีพีจี เพิ่มทุน 1.035 หมื่นล้านบาท รองรับการลงทุนโครงการที่มีในมือ 64% ของวงเงินโดยรวมจากการเพิ่มทุน และส่วนที่เหลือเตรียมไว้สำหรับการลงทุนที่สร้าง EBITDA ในอัตราสูง เมื่อรวมกับการจัดการบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่จะสามารถลดผลกระทบด้าน dilution ในระยะสั้น ได้ พร้อมจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ไม่ต่ำกว่า 40%

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถเดินหน้าตามแผนการลงทุนที่วางไว้ โดยเข้าลงทุนในโครงการใหม่ที่น่าสนใจ และมีผลตอบแทนคุ้มค่า ด้วยแผนยุทธศาสตร์ ที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่
1.กลยุทธ์ด้านธุรกิจ
-การเติบโตทางธุรกิจทั้งแบบ Organic Growth และ Inorganic Growth
-การเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
-การก้าวสู่ระบบดิจิทัลและนวัตกรรมมากขึ้น
2.กลยุทธ์ด้านการเงิน
-การเพิ่มประสิทธิภาพเงินทุนที่ใช้และงบดุล
3.กลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคล
-การเพิ่มขีดความสามารถด้านบุคลากรและองค์กร

โดยตามแผนกลยุทธ์ 5 ปี บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุนกว่า 4.5 หมื่นล้าน โดยมุ่งขยายโรงไฟฟ้าไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และประเทศในกลุ่มซีแอลเอ็มวี ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการลงทุนตามแผนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้ ทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง และสามารถรองรับการลงทุนตามแผนที่วางไว้ และพร้อมที่จะจาายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 40 % โดยบริษัทฯ ได้ประกาศเพิ่มทุนไปเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 จำนวน 1.3 พันล้านหุ้น คาดว่าจะได้รับเงินจำนวน 1.035 หมื่นล้านบาท

สำหรับเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนประมาณ 10,000 ล้านบาทในครั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนใช้เงินลงทุนประมาณ 6,650 ล้านบาท ในโครงการที่มีอยู่และกำลังพัฒนา ดังนี้
1.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย จำนวน 4 โครงการ ตั้งอยู่ในบริเวณ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดลพบุรี และจังหวัดปราจีนบุรี มีกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 20 เมกะวัตต์
2.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมใน สปป.ลาว กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติแผนการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการฯ รวมถึงการก่อสร้างสายส่งขนาด 500 กิโลโวลต์ เพื่อรองรับการซื้อไฟฟ้าจากโครงการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ คาดว่าโครงการฯ จะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2566
3.การชำระหนี้เงินกู้ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B ใน สปป.ลาว และการสร้างสายส่งขนาด 220 กิโลโวลต์ เพื่อส่งไฟฟ้าที่ผลิตจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำทั้ง 2 แห่ง ไปยังประเทศเวียดนาม

ส่วนเงินเพิ่มทุนอีกประมาณ 3,700 ล้านบาท ใช้เพื่อลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา และพิจารณาข้อเสนอ ซึ่งตั้งเป้าอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity/ ROE) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 โดยเมื่อรวมกับผลประกอบการที่จะได้รับจากการลงทุนตั้งแต่ปลายปี 2562 และปี 2563 ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำทั้ง 2 โครงการ ใน สปป.ลาว และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ที่บริษัทฯ ได้ซื้อมาเพิ่มอีก 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 20 เมกะวัตต์ ผนวกกับการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพและได้รับผลตอบแทนสูงสุด เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในฟิลิปปินส์ จะสามารถลดผลกระทบด้าน dilution ในระยะสั้นได้อย่างแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น