บอร์ดฯ บีซีพีจีอนุมัติการเพิ่มทุน 1.3 พันล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (RO) 8:1 ที่หุ้นละ 11.50 บาท พร้อมแถมวอร์แรนต์ และเสนอขายนักลงทุนในวงจำกัด (PP) ซึ่งรวมถึง Pilgrim Partners Asia (Pte.) Ltd. และ Capital Asia Investments Pte. Ltd. ที่ราคาหุ้นละ 11.50 บาท พร้อมแถมวอร์แรนต์ คาดการเพิ่มทุนครั้งนี้ได้เงินราว 1.02 หมื่นล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจ ทั้งการชำระคืนเงินกู้ และการเข้าซื้อโรงไฟฟ้า โดยในช่วงปี 63-66 มีแผนใช้เงินลงทุนรวม 10,350 ล้านบาท รองรับการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าทั้งใน และต่างประเทศ
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) มีมติอนุมัติและเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2563 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 ต.ค.นี้ พิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 16,508.5 ล้านบาท จากเดิม 10,000 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ 1,301.7 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 5 บาท จัดสรรให้แก่ 1. ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ จำนวนไม่เกิน 250 ล้านหุ้น ในอัตราส่วน 8 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 11.50 บาท คิดเป็นจำนวนเงินเพิ่มทุน 2,875 ล้านบาท พร้อมแถมฟรีใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) BCPG-W1 และ BCPG-W2 โดย BCPG-W1 จำนวน 89.3 ล้านหน่วย จัดสรรอัตราส่วน 2.80 หุ้นเพิ่มทุน ต่อ 1 หน่วย มีอายุ 2 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วย ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 8 บาท/หุ้น และ BCPG-W2 จำนวน 89.3 ล้านหน่วย จัดสรรอัตราส่วน 2.80 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1 หน่วย มีอายุ 3 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 8 บาท
2. นักลงทุนในวงจำกัด 2 ราย ได้แก่ Pilgrim Partners Asia (Pte.) Ltd. และ Capital Asia Investments Pte. Ltd. จำนวนไม่เกิน 391.5 ล้านหุ้น โดยแต่ละรายได้รับการจัดสรรเท่ากันเป็นจำนวน 195.75 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 11.50 บาท พร้อมแถมฟรีวอร์แรนต์ BCPG-W3 จำนวน 178.6 ล้านหน่วย ในอัตราส่วน 2.1924 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1 หน่วย มีอายุ 1 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 8 บาท
3. นักลงทุนในวงจำกัด ไม่เกิน 283 ล้านหุ้น โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวตามราคาตลาดในช่วงเวลาที่เสนอขาย
4. รองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรนต์ BCPG-W1 ,BCPG-W2 และ BCPG-W3 รวมไม่เกิน 357.2 ล้านหุ้น
5. รองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรนต์ที่จะออกให้กับกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท ไม่เกิน 20 ล้านหุ้น
นายบัณฑิตกล่าวว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้คาดว่าจะได้เงินราว 1.02 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจผ่านการลงทุน พัฒนา หรือการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ตามแผนการลงทุนของบริษัท รวมถึงเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนแก่สถาบันการเงินที่เกิดจากการจัดหาเงินทุนในการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าในช่วงที่ผ่านมา
โดยในช่วงระหว่างปี 63-66 บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนรวม 10,350 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 600 เมกะวัตต์ ในลาว วงเงิน 3,570 ล้านบาท ในช่วงปี 63-66, การชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนให้แก่สถาบันการเงิน สำหรับการเข้าซื้อโครงการโซลาร์ฟาร์ม 20 เมกะวัตต์ในไทย รวมถึงเงินลงทุนสำหรับการชำระค่าซื้อโครงการส่วนที่เหลือและเงินลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและการซ่อมบำรุงโครงการ วงเงิน 1,210 ล้านบาท ในช่วงปี 63-65, การชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนให้แก่สถาบันการเงิน สำหรับการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B ในลาว รวม 114 เมกะวัตต์ วงเงิน 1,870 ล้านบาท ภายในปี 63 และการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศในอนาคต วงเงิน 3,700 ล้านบาท ภายในปี 63-64
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 600 เมกะวัตต์ในลาวนั้น บริษัทคาดว่าโครงการจะต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 840 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 26,460 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าแหล่งเงินทุนของโครงการจะมาจากกู้ยืม 70% และส่วนที่เหลือมาจากส่วนทุน ซึ่งคาดว่าจะเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าวด้วยงบประมาณ 3,570 ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่อยู่ระดับ 45%
ทั้งนี้ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติสนับสนุนแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ BCPG ซึ่งบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยมีมติให้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนที่ลงทุนใน BCPG และจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิที่ตนมีอยู่หากมีหุ้นสามัญเพิ่มทุนเหลือ โดยการใช้สิทธิดังกล่าวไม่ทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้นใน BCPG เกิน 75% จึงไม่มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดใน BCPG