หุ้นกลุ่มนอนแบงก์ หรือกลุ่มธุรกิจให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน เก็บเกี่ยวความมั่งคั่งจากสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และสินเชื่อบุคคลมานาน แต่ต่อจากนี้ รายได้อาจไม่เติบโตเหมือนก่อน เพราะกำลังจะเจอคู่แข่งสำคัญที่จะมาแย่งชิงลูกค้าด้วยข้อเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
ธนาคารแห่งประเทศไทย เพิ่งประกาศ อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อบุคคลดิจิทัล สำหรับผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ กลุ่มที่สามารถพิสูจน์ และไม่มีทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน โดยปล่อยไม่เกินรายละ 2 หมื่นบาท ชำระคืนภายใน 6 เดือน กำหนดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 25% ต่อปี
การเปิดให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อบุคคลดิจิทัล เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินในระบบ และ ช่วยให้ธนาคารพาณิชย์มีช่องทางการหารายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้กลุ่มนอนแบงก์มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งในการปล่อยสินเชื่อบุคคล
ขณะที่ธนาคารออมสินได้ส่งหนังสือถึงนอนแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ 25 ราย เชิญชวนร่วมทุนตั้งบริษัท เพื่อปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ โดยจะ คัดเลือกบริษัทที่ยื่นข้อเสนอดีที่สุด และจะเริ่มให้บริการสินเชื่อภายในไตรมาสแรกปีหน้า
สินเชื่อจำนำทะเบียนรถทั้งระบบมียอดรวมประมาณ 2 แสนล้านบาท โดยธนาคารออมสินตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10-20% และพยายามดึงดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถให้ลดลงเหลือไม่เกิน 18% ต่อปี
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ กำหนดไม่เกิน 28% ต่อปี แม้บริษัทนอนแบงก์ขนาดใหญ่ จะอ้างว่า คิดดอกเบี้ยลูกค้าไม่เกิน 24% หรือไม่เกิน 22% ก็ตาม แต่ยังถือเป็นอัตราที่สูง และทำให้บริษัทนอนแบงก์มีส่วนต่างกำไรสูงมาก
การโดดลงมาปล่อยสินเชื่อบุคคลดิจิทัลของธนาคารพาณิชย์ แม้ไม่สามารถประเมินผลกระทบที่ชัดเจนของกลุ่มนอนแบงก์ได้ แต่การโดดลงมาปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถของธนาคารออมสิน พอที่จะประเมินผลกระทบที่กลุ่มนอนแบงก์จะได้รับ
ส่วนแบ่งการตลาดของนอนแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ โดยเฉพาะบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC และบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD จะต้องถูกแย่งไป พร้อมกับอัตราดอกเบี้ยที่เคยโขกสับกับลูกค้า จนมีกำไรพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง จะต้องปรับลดลงมา ก่อนที่ลูกค้าจะหันไปใช้บริการธนาคารออมสินกันหมด
แนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มนอนแบงก์จะไม่สดใสแล้ว เพราะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ส่วนต่างกำไรจะแคบลง
แม้ว่าหุ้นในกลุ่มนอนแบงก์ยังไม่ได้ทรุดลง ราคาหุ้นยังแข็ง และนักลงทุนไม่รู้สึกหวั่นไหวในผลกระทบจากการแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้น แต่เมื่อธนาคารออมสินโดดร่วมวงแข่งขันอย่างเต็มรูปแบบ จะทำให้ผลดำเนินงานของกลุ่มนอนแบงก์ชะลดตัว ฉุดให้ราคาหุ้นปรับฐานตามมา
นักลงทุนที่ถือหุ้นกลุ่มนอนแบงก์ ต้องหันมาทบทวนหุ้นกลุ่มนี้ใหม่ เพราะอนาคตผลประกอบการอาจไม่เติบโตสูงเหมือนอดีตแล้ว
เค้กก้อนใหญ่ที่กลุ่มนอนแบงก์แบ่งกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ รวยกันถ้วนหน้าจากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถด้วยอัตราดอกเบี้ยมหาโหด กำลังมีคู่แข่งรายใหม่และเป็นรายใหญ่ที่มีทุน มีเครือข่าย และมีความน่าเชื่อถือกว่าเข้ามาแย่งตลาด
หุ้นกลุ่มนอนแบงก์ทั้งระบบกำลังสะเทือน และต้องปรับตัวรับกับการแข่งขัน ขณะที่ส่วนต่างผลกำไรจะถูกบีบให้แคบลงใหม่
ก่อนสงครามสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจะเริ่มต้น นักลงทุนยังมีเวลาตัดสินใจว่า จะอยู่หรือชิงถอยออกไปจากหุ้นกลุ่มนอนแบงก์