พลัสฯ วิเคราะห์ตลาดทาวน์โฮมตอบโจทย์เรียลดีมานด์ จากพฤติกรรมผู้ซื้อยุค New Normal ต้องการพื้นที่ในการอยู่อาศัยมากขึ้น ชี้ราคา 3-5 ล้านบาทเติบโต ทำเลส่วนต่อขยายสายสีเขียว-แดงซัปพลายเพิ่มเข้ามา กว่า 6,400 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 44% แนะปลดล็อกเพดานลดค่าโอน ราคากลุ่มที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ลบ.ยาแรงกระตุ้นตลาดอสังหาฯ มาตรการลดภาษีกับบ้านหลังแรก
น.ส.สุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า แม้ตลาดทาวน์โฮมจะได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมมียอดขายลดลงเหลือ 12,248 ยูนิต คิดเป็น 39% ของอุปทานที่เสนอขาย จากเดิมที่สัดส่วนยอดขายเคยเกิดขึ้นเฉลี่ยอยู่ราว 40-45% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้น แต่ยังถือว่าได้รับผลกระทบไม่หนักมาก หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและตลาดในภาพรวม
หากพิจารณาถึงแนวโน้มการซื้อขายทาวน์โฮมในช่วงที่เหลือของปีนี้ (2563) คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณเขตชานเมือง ที่มีโครงการรถไฟฟ้าใหม่ส่วนต่อขยายเข้าไปถึง ส่วนหนึ่งเพราะทาวน์โฮมเป็นสินค้าทดแทนการซื้อบ้านเดี่ยวที่ราคาขยับขึ้นสูง รวมถึงกลุ่มคนที่ไม่ต้องการพักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม ที่โครงการใหม่ในช่วงหลังมักมีขนาดพื้นที่ใช้สอยลดลง และราคาสูงขึ้นจากปัจจัยด้านที่ดิน ขณะที่ราคาของทาวน์โฮมบริเวณที่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าไม่เกิน 2 กิโลเมตร เฉลี่ยอยู่ที่ 4.59 ล้านบาท และที่ตั้งโครงการมักอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อระหว่างเมือง ซึ่งใกล้เคียงกับราคาของคอนโดมิเนียม ทำให้ทั้งในด้านราคาและทำเลระหว่างทาวน์โฮมกับคอนโดมิเนียมแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งนี้ พบว่าทาวน์โฮมกลุ่มระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นกลุ่มราคาที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภค โดยมีจำนวนทั้งหมด 21,298 ยูนิต (66%) รองมาคือ ระดับราคา 3-5 ล้านบาท มีจำนวน 8,344 ยูนิต (30%) ส่วนโครงการทาวน์โฮมราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ค่อยๆ หายไปจากตลาด เนื่องจากต้นทุนราคาที่ดินที่สูงขึ้น จึงพบว่าทาวน์โฮมที่เปิดใหม่ส่วนใหญ่จะมีราคาตั้งแต่ 2.5 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนที่ยังสามารถตั้งราคาขายที่ 2 ล้านบาท จะกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ชานเมือง หรือพื้นที่รอยต่อรอบนอกเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางเข้าสู่เมืองมากขึ้น
จากข้อมูลพบว่า ทาวน์โฮมกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท มียอดขายสูงถึง 45% สูงที่สุดในทุกระดับราคา เนื่องจากโครงการในระดับราคานี้อยู่ในบริเวณแนวของรถไฟฟ้า แต่ก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชะลอตัวของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเช่นกัน ยอดการขายลดลงไป 11% แต่ยังน้อยกว่าตลาดภาพรวมที่ลดลงไปถึง 18% ซึ่งอัตราดังกล่าวถือว่ายังเป็นการชะลอตัวที่น้อยกว่ากลุ่มคอนโดฯ ส่วนทาวน์โฮมกลุ่มระดับกลาง-บน หรือราคาสูงกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป มีอัตราการขายค่อนข้างช้า เนื่องจากลูกค้าหลักเป็นกลุ่มของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
สำหรับทำเลที่มีการเติบโตที่ดี คือ บริเวณที่มีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย เช่น สายสีแดงและสีเขียวที่จะขยายไปถึงปทุมธานี โดยสายสีเขียวคาดว่าจะเปิดใช้ในปลายปีนี้ ทำให้ในโซนดังกล่าวมีอุปทานใหม่เพิ่มเข้ามา 6,497 ยูนิต หรือเพิ่มขึ้น 44% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ฎแม้ตลาดทาวน์โฮมจะไม่ร้อนแรงเท่าปีที่ผ่านมา แต่ถ้าพิจารณาจากภาพรวมทั้งตลาดอสังหาฯ กลุ่มทาวน์โฮมยังไปได้และมีโอกาสจากปัจจัยบวกที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มที่เริ่มทำงานที่ปรับเปลี่ยนความต้องการจากคอนโดฯ เป็นทาวน์โฮม สาเหตุเพราะกระแสการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานมาเป็นลักษณะของ Work from Home มากขึ้น และคาดว่าช่วงที่เหลือของปี 63 น่าจะปรับตัวดีขึ้น จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่คาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป"
ขณะเดียวกัน มองว่าการออกมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ของภาครัฐ โดยเฉพาะเรื่องการลดการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองให้เหลือรายการละ 0.01% สามารถเป็นยาแรงได้ หากรัฐมีการยกเลิกหรือตัดข้อกำหนดด้านเพดานราคากลุ่มที่อยู่อาศัยเกิน 3 ล้านบาทออกไป หรือมาตรการดอกเบี้ยพิเศษคงที่ ที่หากสามารถเพิ่มกรอบวงเงินให้มากขึ้นและขยายการเข้าถึงสินเชื่อได้กว้างขึ้น รวมทั้งหากมีมาตรการจูงใจด้านการลดหย่อนภาษี เช่น โครงการบ้านหลังแรก ก็น่าจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้างได้มากขึ้น