บอร์ด รฟม.สั่งเจรจา EBM ขยาย “สีเหลือง” เชื่อมสีเขียว สัญญาต้องเปิดให้เจรจาชดเชยผลกระทบ MRT ชี้เป็นความเสี่ยง ให้เวลาถึงเปิดเดินรถ ก.ค. 65 และเห็นชอบตั้งเผื่อหนี้สูญ 97 ล้าน ปมคดีทางเชื่อม “คอนโด แอชตัน”
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม.ได้รายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ที่มี นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เป็นประธานเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ถึงผลการเจรจาเงื่อนไขการต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลือง จากสถานีแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึงแยกรัชโยธิน กับ บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ผู้รับสัมปทาน กรณีผลกระทบต่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งทาง EBM ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับกรณีมีการชดเชยให้บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน กรณีที่การต่อขยายสายสีเหลืองส่งผลกระทบต่อรายได้และผู้โดยสารของ MRT สายสีน้ำเงิน
ทั้งนี้ บอร์ดเห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญที่จะปิดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น จึงมีมติให้ รฟม.เจรจาต่อไป ซึ่ง รฟม.ต้องการให้สัญญาเปิดให้มีการเจรจากันได้ในอนาคตเท่านั้น จึงให้ทาง EBM ยอมรับในการเจรจากันภายหลัง กรณีที่เกิดผลกระทบต่อสายสีน้ำเงิน และการขาดรายได้ โดยส่วนของ BEM มีภาระที่จะต้องพิสูจน์ว่าผลกระทบเกิดขึ้นจากการต่อขยายสายสีเหลืองเป็นเท่าไร
“รฟม.ได้สอบถามอัยการแล้ว ซึ่งอัยการระบุว่าหลักของการเยียวยาความเสียหายต้องเกิดขึ้นจริงก่อนถึงจะนำตัวเลขนั้นมาพิจารณามูลค่าความเสียหาย วันนี้เราเห็นว่ามีโอกาสที่เกิดความเสียหายสูง จึงต้องการให้เปิดสัญญาไว้เพื่อให้เจรจากันได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีเวลาเจรจาไปจนกว่าจะเปิดเดินรถสายสีเหลืองส่วนหลักครบตลอดสายในเดือน ก.ค. 2565”
รายงานข่าวแจ้งว่า รถไฟฟ้าสายสีเหลืองตามแผนแม่บทกำหนดเส้นทางช่วงลาดพร้าว-สำโรง มีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสีน้ำเงินที่สถานีลาดพร้าวอยู่แล้ว แต่เมื่อเปิดประมูล ทาง EBM เสนอขอต่อขยายสายสีเหลืองไปอีก 2.6 กม. จากสถานีแยกรัชดา-ลาดพร้าว ไปตามถนนรัชดาภิเษกเพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีพหลโยธิน 24 โดยรับผิดชอบออกค่าก่อสร้าง ค่าเวนคืนราว 3,000-4,000 ล้านบาทเอง และยืนยันว่าไม่มีหน้าที่ชดเชยกรณีผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ลดลง
@ตั้งหนี้สูญ 97 ล้าน ปมคดีทางเชื่อม “คอนโด แอชตัน”
นอกจากนี้ บอร์ด รฟม.ยังอนุมัติตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ กรณีทางเชื่อมคอนโดมิเนียม แอชตัน อโศกของ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กับสถานีสุขุมวิท ประมาณ 97 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าต่อเชื่อม และค่าเสียโอกาส ที่ทำให้ลานจอดรถ รฟม.เปิดให้บริการไม่ได้ประมาณ 4 ปี เนื่องจากทางเอกชนมีปัญหาฟ้องร้องกับ กทม. เรื่องการขออนุญาตเปิดใช้อาคาร ปัจจุบันคดียังไม่สิ้นสุด ขณะเดียวกัน สตง.ได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องการอนุญาตทำทางเชื่อมอาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งทางอนันดามีการวางแบงก์การันตีไว้ แต่ทางหลักบัญชีหากครบ 1 ปีแล้วยังไม่เรียกเก็บต้องตั้งเป็นหนี้เผื่อสงสัยจะสูญไว้ก่อน
นายภคพงศ์กล่าวว่า บอร์ด รฟม.ยังมีมติเห็นชอบตามที่ รฟม.เสนอการปรับปรุงตัวชี้วัดเรื่องรายได้ ปริมาณผู้โดยสาร ซึ่งได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 จากเดิมปริมาณผู้โดยสารตั้งเป้าตัวชี้วัดเพิ่มขึ้น 5-7% ขณะนี้ยังต่ำกว่าเป้าเดิมก่อนเกิดโควิด-19 รวมถึงแผนงานโครงการรถไฟฟ้าในภูมิภาคที่ล่าช้า บอร์ดให้เสนอคมนาคมและ สคร.เห็นชอบตามลำดับ
และเห็นชอบการออกข้อบังคับ รฟม.ว่าด้วยการจัดเก็บค่าที่จอดรถใหม่ จากเดิมจะออกข้อบังคับแยกโครงการรถไฟฟ้าแต่ละสาย โดยจะรวมเป็นฉบับเดียวใช้บังคับรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง ส่วนอัตราค่าที่จอดจะแตกต่างกันตามพื้นที่เขตในเมืองกับชานเมือง ซึ่งจะเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป