บิ๊ก "ศุภาลัย" แนะปลดล็อก LTV หนุนลูกค้าซื้อที่อยู่อาศัยกลับคืนมาได้ 10% เผยตัวอย่าง ออสเตรเลียส่งเสริมคนซื้อบ้านใหม่ ปรับปรุง รับวงเงินอุดหนุน ชี้ของไทยแคชแบ็ก 50,000 บาท ก็เหมาะสม หนุนภาคอสังหาฯ พร้อมปรับพอร์ตรุกเปิดเพิ่มแนวราบรวม 27 โครงการ เปิดโปรเจกต์พรีเมียมราคากว่า 10 ล้านบาท หวังดันแชร์เบียดคู่แข่ง
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสนอถึงแนวทางในการส่งเสริมภาคอสังหาริมทรัพย์ ว่า ตอนนี้ยอดโอนกรรมสิทธิ์เริ่มกลับมาดีขึ้น แต่ก็ยังมีประเด็นที่ต้องเฝ้าและติดตาม โดยเฉพาะในกลุ่มของอาชีพการโรงแรม อาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสายการบิน ที่ทางศุภาลัยไม่สามารถทิ้งลูกค้ากลุ่มนี้ได้ โดยมีการช่วยเหลือและผ่อนปรนลูกค้า แต่พบว่าแนวโน้มการโอนกรรมสิทธิ์อาจไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทั้งจากสถาบันการเงินยังคงดูแลในการปล่อยสินเชื่อ และเกิดปัญหาจากกลุ่มลูกค้าที่ขอยกเลิกการโอนฯโครงการ แม้ตัวเลขจะไม่มาก แต่ก็พอเห็นเป็นสัญญาณที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ ธุรกิจมีการปิดกิจการลง ตัวเลขว่างงานเพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทฯ ต้องโหมอัดแคมเปญอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กค้า
"คุณถามผมว่า จะให้เสนออะไรกับรัฐบาลนั้น ขอยกหยิบตัวอย่าง โครงการอสังหาฯ ที่บริษัทศุภาลัยไปร่วมลงทุนกับบริษัทพันธมิตรที่ประเทศออสเตรเลีย ช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ยอดขายบ้านในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นถึง 200 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทุกเดือนจะเติบโตตลอด เนื่องจากรัฐบาลออสเตรเลีย ให้การสนับสนุนถ้าลูกค้าซื้อบ้านหลังแรก และปรับปรุงบ้านตัวเอง เมื่อเริ่มตอกเข็ม รัฐบาลมีวงเงินส่งเสริมประมาณ 500,000 บาท ในราคาบ้านเฉลี่ย 10 ล้านบาท ของไทยคงลำบาก คงไม่น่าจะได้ตัวเลขดังกล่าว แต่คิดว่าถ้าได้ 50,000 บาท ผมก็เอา แต่ก็ไม่รู้จะได้หรือไม่"
อย่างไรก็ตาม ถ้าในมุมของรัฐบาล ถ้าคิดว่างบประมาณไม่เยอะ เก็บภาษียาก และไม่อยากเหนื่อยในเรื่องการจัดเก็บภาษี ก็ควรมาพิจารณาในเรื่องปลดล็อกมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ก็จบ
"ดีเวลลอปเปอร์ไม่ได้ขออะไรมาก แค่ปลดล็อก LTV จะได้ลูกค้ากลับคืนมาทันที 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการออกมาตรการ LTV เราไปย้อนดูข้อมูล จะพบว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย มีความกังวลในการเก็งกำไรคอนโดมิเนียม ถ้าคิดอย่างนั้น มาตรการไม่ควรครอบคลุมกับตลาดแนวราบ และในปัจจุบัน ไม่มีใครเก็งกำไรคอนโดฯ อยู่แล้ว ก็ควรจะปลดล็อกไปเลย และยังช่วยให้รัฐบาลไม่ต้องเสียเงินด้วย และยังทำให้คนซื้อเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลยังได้ภาษีค่าธรรมเนียมการโอนฯ และภาษีธุรกิจเฉพาะอีก หรือการยกเลิกเพดานราคาบ้านในมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง เนื่องจากราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของตลาดรวม ที่เหลืออีก 70 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลยังไม่ได้สนับสนุน แต่หากให้ได้ คลายตรงนี้ลง ก็ไม่เลว จะทำให้ทุกระดับราคาได้รับผลประโยชน์ แต่ก็ต้องดูว่า ในด้านภาษี รัฐบาลจะพอหรือเปล่า ส่วนจะมีการหารือกับ รมว.คลังคนใหม่หรือไม่ คงไม่ต้อง เพราะท่านรู้ ซึ่งในช่วงที่ท่านเป็นนายแบงก์ ภาคเอกชนมีการหารือกับท่านมาโดยตลอด"
ในส่วนของสถานการณ์หลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ลงว่า ผู้เข้ามาเยี่ยมชมโครงการทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมปรับตัวสูงขึ้นใกล้เคียงกับภาวะปกติ เนื่องจากผู้ที่คิดจะซื้อที่อยู่อาศัยมีเวลาในการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ตัวเลขยอดเยี่ยมชมโครงการสูงขึ้นมาก ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมของบริษัทศุภาลัยฯ ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะโครงการแนวราบมีอัตราการเติบโตเป็นบวก ยกเว้นโครงการในจังหวัดภูเก็ต ลูกค้าหลายรายได้หายไป เนื่องจากพอร์ตลูกค้าของโครงการศุภาลัยฯ ในภูเก็ต กว่า 30% จะเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจโรงแรม ส่งผลให้เกิดการชะลอโอนกรรมสิทธิ์นับสิบราย ทำให้ต้องกระตุ้นผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายให้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี เพื่อให้สอดรับต่อภาพรวมในด้านความต้องการของตลาดแนวราบ (ดีมานด์) ทางบริษัทได้ปรับเพิ่มการเปิดโครงการแนวราบจาก 25 โครงการ เป็น 27 โครงการ ในกรุงเทพฯ 1 โครงการ และในภูมิภาคอีก 1 โครงการ และในวันที่ 27 ตุลาคมนี้ จะมีการเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวครั้งแรกในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ส่วนกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียม คาดจะเปิดใหม่ 3-4 โครงการ จากเป้าเดิม 5 โครงการ โดยจะพิจารณาถึงสภาพตลาดและโอกาสที่เหมาะสม หากจะเปิดโครงการคอนโดฯ แห่งที่ 4 โดยในเดือนกันยายนนี้ จะเปิดขายโครงการ "ศุภาลัย พรีเมียร์ สี่พระยา-สามย่าน" จำนวน 384 ยูนิต ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 41 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคา 3.69 ล้านบาท หรือเฉลี่อยู่ที่ 85,000 บาทต่อ ตร.ม.ไม่ถึงแสนต่อ ตร.ม.