คอลลิเออร์สฯ ระบุผลกระทบไวรัสโควิด-19 กดซัปพลายคอนโดใหม่ในพัทยาหดตัว 95% เผยครึ่งแรกปี 63 มีโครงการเปิดใหม่เพียง 2 โครงการ จำนวน 480 ยูนิต ปรับตัวลดลงจากช่วงครึ่งหลังของปี 62 ซึ่งมีห้องชุดเปิดขายใหม่กว่า 15,500 ยูนิต ถึง 10,112 ยูนิต หรือลดลงกว่า 95.46% ระบุ 1-2 ปี ก่อนหน้าผู้ประกอบการในพัทยาโหมแคมเปญดึงนักลงทุน-ลูกค้าต่างชาติชอปห้องชุด ส่งผลโควตาต่างชาติโครงการคอนโดส่วนใหญ่ในพัทยาเต็ม 49% เกือบทุกพื้นที่
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมพัทยาว่า ยังมีซัปพลายที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเหลือขายในตลาดจำนวนมาก หลังจากมีเปิดตัวของโครงการคอนโดในพัทยามากกว่า 15,500 ยูนิต ในปี 62 ส่งผลให้ในช่วงนี้โครงการเปิดใหม่ชะลอการลงทุนออกไป โดยพบว่าในครึ่งแรกของปี 63 มีโครงการคอนโดเปิดขายใหม่ใน 2 โครงการจำนวน 480 ยูนิต ซึ่งปรับตัวลดลงจากในช่วงครึ่งหลังของปี 62 มากถึง 10,112 ยูนิต หรือคิดเป็น 95.46% โดยโครงการที่เปิดใหม่ดังกล่าวตั้งในพื้นที่วงศ์อมาตย์ 1 โครงการ และเขาพระตำหนักอีก 1 โครงการ ซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็นการพัฒนาโดยผู้ประกอบการที่เคยพัฒนาโครงการคอนโดในพื้นที่มาแล้ว
ขณะที่ในด้านดีมานด์ในตลาดพัทยานั้น หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งแม้ว่าการระบาดในไทยดีขึ้น แต่ก็ยังส่งผลให้เกิดการชะลอตัวกำลังซื้อในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะตลาดคอนโดในพื้นที่พัทยาอย่างมาก ทำให้ดีมานด์ในตลาดห้องชุดยังหดตัวต่อเนื่อง และส่งผลให้ซัปพลายใหม่ในพื้นที่ยังไม่สามารถขยายตัวได้ โดยเฉพาะในช่วงนี้เพราะกำลังซื้อชาวไทยที่ถือว่ายังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว และช่วงที่ผ่านมา ตลาดยังคงพึ่งพิงกำลังซื้อต่างชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะกำลังซื้อจากจีน ซึ่งพบว่าโครงการที่เปิดขายใหม่ในปี 62 ยังมียอดขายยังไม่มากนัก ทำให้ซัปพลายเหลือขายในตลาดปรับเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยคอลลิเออร์สฯ คาดการณ์ว่า จากแรงหนุนของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มีความคืบหน้าและชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับ และแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของประเทศไทยหรือ EEC ที่รัฐบาลผลักดันอย่างเต็มที่ รวมถึงเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ที่ภาคเอกชนเข้าไปลงทุนอีกหลายโครงการในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญที่จะส่งผลให้ตลาดคอนโดในพื้นที่พัทยาจะกลับมาได้รับความนิยมของกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าซื้อหาและลงทุนสำหรับเป็นบ้านพักตากอากาศเพิ่มมากขึ้นอีกครั้งในอนาคต
โดย ทำเลที่ยังเป็นที่นิยมของกลุ่มผู้ซื้อคอนโดตากอากาศในพัทยา คือพื้นที่ วงศ์อมาตย์ เนื่องจากเป็นทำเลที่เงียบ สงบ มีชายหาดสวย ทำให้เป็นทำเลที่กลุ่มลูกค้าระดับบนให้ความสนใจ และเป็นทำเลที่มีอัตราการขายที่สูงที่สุด ประกอบกับในทำเลวงศ์อมาตย์ยังมีคอนโดเหลือขายไม่ถึง 600 ยูนิตทำให้มีดีมานด์ห้องชุดเพิ่มขึ้นต่อนเอง ถัดมา คือ ทำเลใจกลางเมืองพัทยา เนื่องจากเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทำให้มีดีมานด์ทั้งจากกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัย และนักลงทุนต่างให้ความสนใจ
นอกจากนี้ยังมี ทำเลนาจอมเทียนที่ซึ่งเป็นทำเลใหม่ที่ผู้ประกอบการหลายรายให้ความสนใจเข้าไปพัฒนาคอนโดจำนวนมาก เพราะทำเลดังกล่าวยังคงความเงียบสงบไม่วุ่นวายเหมือนใจกลางเมืองพัทยา บวกกับแวดล้อมด้วยร้านอาหารชื่อดัง สวนน้ำ รวมถึงแนวเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่งผลให้ทำเลย่านนาจอมเทียนเป็นอีกทำเลที่ได้รับความสนใจทั้งจากกลุ่มผู้ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยและกลุ่มนักลงทุนค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับกำลังซื้อของต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากกลุ่มผู้ซื้อชาวจีน และชาติในกลุ่มเอเชีย ซึ่งพบว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านกลุ่มลูกค้าจีนกลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของตลาดคอนโดพัทยา ที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่พยายามที่จะดึงดูดลูกค้าต่างชาติเหล่านี้ให้มาลงทุนในโครงการตนเองผ่านทางเอเยนซีในพื้นที่ และเอเยนซีจากกรุงเทพฯ ทดแทนกำลังซื้อคนไทยที่ชะลอตัวลง ทั้งจากภาพรวมเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลง รวมถึงผลกระทบจากมาตรการ LTV หลักเกณฑ์ใหม่ที่ทำให้กำลังซื้อในส่วนที่ลูกค้าที่ต้องการคอนโดไว้สำหรับการพักผ่อนเป็นบ้านหลังที่ 2 ชะลอการตัดสินใจซื้ออกไป
“แต่เราพบว่าจากกำลังซื้อของต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก สำหรับตลาดคอนโดในพัทยาในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้โควตาต่างชาติของโครงการคอนโดส่วนใหญ่ในพัทยาเต็ม 49% ในทุกพื้นที่ เหลือแค่บางโครงการในพื้นที่จอมเทียนและนาจอมเทียนเท่านั้น”