เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ฯ ไม่รีบลงทุนเยอะ ครึ่งปีหลังเปิด 1 โครงการคอนโดฯ โลว์ไรส์ เผยตลาดคอนโดฯ ระดับลักชัวรีถูกกระทบจากโควิด-19 ไม่มาก พร้อมจัดราคาพิเศษกระตุ้นยอดขาย "มิวนีค สุขุมวิท 23" คัดห้องทำราคาต่ำกว่าตลาดมาอยู่ที่ 2.2 แสนบาทต่อตร.ม. ลูกค้าจีนค้างท่อรอเปิดน่านฟ้า ด้านซีบีอาร์อี ชี้ตลาดเริ่มฟื้น อิงดัชนีความเชื่อมั่นดีขึ้น ยอดเยี่ยมชมโครงการเพิ่มเท่าตัว เผยสต๊อกลักชัวรีในเมืองกว่า 12,000 ยูนิต
ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (MJD) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ประกอบกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี คาดว่าก็ยังคงกระทบกับอีกหลายทุกธุรกิจตลอดปีนี้ หรือจนถึงปี 2564 ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เรามีการวางแผนรัดกุมตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยจะเน้นระบายสินค้าคงค้าง (สต๊อก) ที่มีอยู่ก่อนกว่า 10,000 ล้านบาท
"สำหรับตลาดลักชัวรีกระทบบ้างแต่ไม่มาก และยังไม่น่าเป็นห่วงมาก ยอดขายคงไปได้เรื่อยๆ ไม่หวือหวา เพราะคอนโดฯ ระดับลักชัวรีมีความอดทนต่อภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี เชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ตลาดอสังหารริมทรัพย์จะฟื้นตัวเช่นกัน ซึ่งตนคาดว่าประมาณกลางปี 2564 ตลาดจะกลับพลิกกลับมาฟื้นตัว อีกทั้งด้วยเชื่อในศักยภาพของทำเลและโครงการของเมเจอร์ โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในไพรม์เอเรีย ที่แทบจะไม่เหลือพื้นที่ในการพัฒนาโครงการต่อไปได้"
แผนการลงทุนใหม่นั้น ดร.สุริยา กล่าวว่า จะมีการเปิดโครงการคอนโดมิเนีย "ไมลส์ รัชดา-ลาดพร้าว" รูปแบบคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ จำนวน 300 ยูนิต ราคาขาย 80,000-90,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) หรือต่อยูนิตเริ่มต้นที่ 1.9 ล้านบาท มูลค่าโครการ 550 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโครงการที่ดีไซน์ใหม่รับกับวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ขณะที่ในแต่ละปี ตนจะมีการเปิดโครงการใหม่ 1 โครงการ
ล่าสุด บริษัทได้จัดโปรโมชันในการกระตุ้นยอดขายโครงการคอนโดฯ ลักชัวรีสร้างเสร็จพร้อมโอน ภายใต้ชื่อโครงการ "มิวนีค สุขุมวิท 23" โดยนำมาเสนอราคาขายต่อตร.ม.ที่ 2.2 แสนบาท หรือเริ่มต้น 7.9 ล้านบาทในส่วนของ 1 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 35 ตร.ม. ซึ่งเป็นราคาที่จับต้องได้และเป็นราคาที่ดี และยังสามารถที่จะนำมาปล่อยเช่าให้แก่ชาวต่างชาติ ซึ่งในโซนสุขุมวิทตอนต้นจะมีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่ ขณะที่ราคาคอนโดฯ ลักชัวรีทั่วไปจะประมาณ 2.5-3 แสนบาทต่อ ตร.ม. ปัจจุบัน โครงการ "มิวนีค สุขุมวิท 23" มียอดขายไปแล้ว 70% และคาดว่าจนถึงปลายปียอดขายจะเพิ่มเป็น 80% จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 2,800 ล้านบาท
"ช่วงที่ล็อกดาวน์ และภาครัฐยังไม่มีนโยบายเปิดน่านฟ้านั้นก็อาจทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติที่ซื้อโครงการใน "มิวนีค สุขุมวิท 23" ยังไม่สามารถดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ได้ ซึ่งจะมีอยู่ 25% ของยอดขายรวม สิ่งที่เราทำ คือ ผ่อนปรนในเรื่องการโอน หรือลูกค้ามอบอำนาจให้บุคคลมาตรวจสอบสภาพห้องก่อน เพื่อตรวจเช็กสภาพ และเมื่อพร้อมค่อยดำเนินการโอนห้องชุด
น.ส.อลิวัสสา พัฒนาถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า มีหลายอย่างที่บ่งชี้ว่าตลาดอสังหาฯ เริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังจากเกิดโควิด-19 ว่า อย่างแรก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ที่เริ่มเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ และเข้าสู่จุดต่ำสุดในเดือนเมษายนลดลงมาอยู่ที่ 47.2% และตัวเลขในเดือนกรกฎาคมเพิ่มมาอยู่ที่ 50.1%
ขณะที่ข้อมูลภายในของซีบีอาร์อี จะพบว่า จำนวนคนเข้าเยี่ยมชมโครงการ (Walk-In) ที่ซีบีฯ บริหารอยู่ เริ่มขยับขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงกรกฎาคม ซึ่งสามารถวัดความต้องการซื้อ (ดีมานด์) ในตลาดได้ โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ราย สาเหตุอาจจะเกิดจากผู้บริโภคต้องการมองหาที่อยู่ในเมืองและนอกเมือง ไว้สำหรับรองรับเป็นบ้านหลังที่ 2 เพื่อรองรับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอีก โดยเราพบว่า ตัวเลขการซื้อบ้านหลังที่ 2 เพิ่มเป็น 25% ในไตรมาส 2 ปีนี้ แต่ซื้อเพื่อการลงทุนและเก็งกำไรลดลงมาเหลือ 16% จากปี 2562 อยู่ที่ 34% โดยตัวเลข ซึ่งจะชี้ให้เห็นว่า ตัวเลขที่นำมาเสนอกำลังบอกว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังกลับมาฟื้นตัว ในส่วนของสินค้า (ซัปพลาย) ปีนี้แทบจะไม่มีการเปิดโครงการใหม่ โดยในรอบ 6 เดือนแรกปี 63 ในพื้นที่กรุงเทพฯ (Downtown AREA) เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 ลดลง 84%
สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่งการก่อสร้างและเหลือขายอยู่ในตลาดในทุกทำเลในเมือง จะเห็นว่าการขายเฉลี่ยในทุกทำเลประมาณ 60% ทำให้เหลือยูนิตในตลาดประมาณ 12,000 ยูนิต และหากแยกเป็นทำเลแล้ว ยอดขายของโครงการที่สร้างเสร็จเฉลี่ยอยู่ที่ 92.8% หรือมีซัปพลายเหลือประมาณ 4,000 ยูนิต