xs
xsm
sm
md
lg

ORI กวาดกำไร Q2/63 แกร่ง 707 ลบ. ขยับขึ้นแท่น TOP 3 อสังหาฯ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พีระพงศ์ จรูญเอก
“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ขยับขึ้นแท่น TOP 3 อสังหาฯ กวาดกำไร Q2/63 กว่า 707 ล้านบาท หลังรับรู้กำไรจากส่วนแบ่ง 2 โครงการ JV ที่ทำยอดโอนต่อเนื่องเพิ่มอีกกว่า 743 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิ 21.5% หลังคุมเข้มต้นทุนและค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น กด SG&A ลงเหลือ 12.7% ท่ามกลางตลาดแข่งขันราคาเดือด ชี้ครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่น หลังเตรียมรับรู้กำไรจากส่วนแบ่งโครงการ JV เพิ่มอีก 2 แห่งใหม่ มีแบ็กล็อกแล้วกว่า 90% และโครงการ Non-JV สร้างเสร็จพร้อมทยอยโอนเพิ่มอีก 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 17,100 ล้านบาท มั่นใจแผน Origin Next Normal ในตลาดสมาร์ทคอนโด และแบรนด์ใหม่ “เบลกราเวีย” และ “ไบรตัน” ลุยตลาดแนวราบเซกเมนต์ใหม่ หนุนภาพรวมทั้งปีเติบโตตามเป้า

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 ว่า บริษัทมีรายได้รวม จำนวน 3,292 ล้านบาท (Non-JV) ตามการเติบโตของยอดโอนที่ทำได้ จำนวน 3,088 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น QoQ 58% และ 19% ตามลำดับ หลังกวาดยอดโอนรวมไปกว่า 3,832 ล้านบาท โดยเป็นโครงการ Non-JV จำนวน 3,088 ล้านบาท และโอนต่อเนื่องโครงการ JV จากไตรมาสแรกอีกกว่าจำนวน 743 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทก้าวสู่ 1 ใน 3 ผู้นำ หรือ “TOP3” ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย

พร้อมกันนี้ บริษัทยังสามารถรักษาอัตรากำไรไว้ได้ในระดับสูง โดยอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ระดับ 21.5% หลังบริหารจัดการและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการปรับกลยุทธ์ เน้นการตลาดเชิงรุกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และแคมเปญ Everyone Can Sell โดย SG&A ปรับลดลงเหลือประมาณ 12.7% จาก 19.7% ในไตรมาสก่อนหน้า ท่ามกลางตลาดที่ได้มีการปรับกลยุทธ์หันมาแข่งขันด้านราคากันอย่างรุนแรง

นายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2563 มั่นใจเติบโตโดดเด่นต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้ ทั้งการเดินหน้ากลยุทธ์ Origin Next Normal ต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจสมาร์ทคอนโด การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เข้ามาใช้ในโครงการที่อยู่อาศัย ตอบโจทย์ทั้งด้าน Reaching Solution และ Living Solution พร้อมเปิดตัวบ้านจัดสรร 2 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ เบลกราเวีย (BELGRAVIA) เจาะตลาดระดับลักชัวรี และไบรตัน เจาะตลาด Gen Y-Z ขยายเซกเมนต์ใหม่ๆ ขณะเดียวกัน มีโครงการรอเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังอีกกว่า 14 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 16,700 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ ทั้งโครงการบ้านจัดสรร และโครงการ Non-JV พร้อมทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในครึ่งหลังของปี เพิ่มอีก 10 โครงการ และยังมีโครงการ JV ที่จะสร้างเสร็จใหม่ พร้อมทยอยโอนอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช เริ่มทยอยโอนในไตรมาส 3/2563 และโครงการไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน เริ่มทยอยโอนในไตรมาส 4/2563 มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 17,100 ล้านบาท โดยกลุ่มโครงการ JV มียอดรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) รออยู่แล้วถึงกว่า 90% ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2563 บริษัทมั่นใจการเติบโตจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ยอดโอน 14,000 ล้านบาท และรายได้รวม 16,000 ล้านบาท

“ผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ครึ่งปีแรกของปี 2563 ถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายมากสำหรับทุกองค์กร แต่ด้วยจุดแข็งของออริจิ้นที่ปลูกฝังแนวคิดแบบ Disruptor Mindset ให้แก่พนักงานทุกคน เราพยายามคิดให้มากกว่า คิดให้ละเอียดกว่า และคิดให้แปลกใหม่กว่า หรือ Think Beyond ทำให้เราจึงยังคงเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วสามารถก้าวผ่านทุกสถานการณ์ มีกลยุทธ์ มีโซลูชันใหม่ๆ ตอบโจทย์ตลาดเชิงรุก ขณะเดียวกัน เรายังควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 2 ยังคงเติบโตโดดเด่น”

ทั้งนี้ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 74 โครงการ เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ดิ ออริจิ้น (The Origin) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 115,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
กำลังโหลดความคิดเห็น