"โอเชียน" รับอานิงสงส์ล็อกดาวน์เมือง เศรษฐีแห่ซื้อคอนโดฯ พัทยา

โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ชี้อานิสงส์โควิด -19 ทำคอนโดฯ หรูย่านพัทยาศึกคัก หลังเศรษฐีไทยหวั่นล็อกดาวน์เมืองรอบสอง แห่ซื้อเป็นบ้านหลังที่สอง เผยยอดขายโอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา เดือนเดียว 7 ยูนิต คาดปิดขายสิ้นปี เล็งลงทุนคอนโดหรูเพิ่ม

นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีการล็อกดาวน์เมืองเป็นระยะเวลานานในช่วงที่ผ่านมา และเมื่อมีการคลายล็อกกลับส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมหรูย่านพัทยาคึกคักขึ้น โดยเฉพาะโครงการโอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีที่เปิดขายมาหลายปี ปัจจุบันเหลือขาย 56 ยูนิต กลับพบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในสิ้นปีนี้

“การแพร่ระบาดของโควิด-19 และล็อกดาวน์ ทำให้คนเริ่มตระหนักถึงการมีบ้านหลังที่สองเพื่ออยู่อาศัยและพักผ่อนไปด้วยในช่วงเวลาที่ไม่มีความปลอดภัยเกิดขึ้น ทำให้ความต้องการซื้อบ้านหลังที่สอง หรือบ้านพักตากอากาศในแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะพัทยา ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของคนกรุงเทพฯ รวมถึงต่างชาติ ซึ่งนอกจากซื้อเพื่อพักผ่อนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว ยังเป็นสินค้าที่ซื้อเพื่อการลงทุนหรือสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต ซึ่งไม่เฉพาะแค่ชาวไทย ยังรวมถึงชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนจีน ที่มองหาบ้านหลังที่สองในประเทศที่มีความปลอดภัย และมีระบบสาธารณสุขที่ดี หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ทั่วโลกมองเห็นถึงจุดเด่นทางด้านสาธารณสุขของประเทศไทย" นายนพงศ์ กล่าว


โครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา” ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ สูง 37 ชั้น มีจำนวน 268 ยูนิต บนเนื้อที่กว่า 120 ไร่ สร้างเสร็จเมื่อปี 2551 ปัจจุบันมียูนิตเหลือขาย 56 ยูนิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นห้องขนาด 1-2 ห้องนอน โดยในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคมมียอดขายสูงถึง 120 ล้านบาทภายในระยะเวลา 7 วัน จากกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาพักกับเพื่อนที่เป็นเจ้าของห้องชุดภายในโครงการแล้วได้สัมผัสบรรยากาศแล้วรู้สึกชื่นชอบ เพราะนอกจากดิตชายหาดและยังมีพื้นที่สีเขียวจำนวนมาก ยังติดกับมารีน่าขนาดใหญ่ที่สุดรองรับเรือยอชต์จอดได้มากถึง 400 ลำ ซึ่งมีทั้งระดับเศรษฐี นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีรายได้สูง รวมถึงลูกค้าชาวจีนที่สนใจโครงการเพิ่มขึ้น

สำหรับยูนิตที่เหลือขาย 56 ยูนิต แบ่งเป็นขนาด 1 ห้องนอน ขนาด 80 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.5 ล้านบาท มีจำนวน 46 ยูนิต และขนาด 2 ห้องนอน 130 ตร.ม. ตกแต่งฟรีพร้อมเข้าอยู่ได้ทันทีราคา 14.9 ล้านบาทมีจำนวน 10 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 20% ซึ่งจากกระแสตอบรับของ โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา ที่คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปีนี้ ทำให้บริษัทมีแผนที่จะลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ภายในบริเวณเดียวกันซึ่งยังมีที่ดินเหลือพัฒนาอีกเกือบ 100 ไร่ โดยจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี เน้นห้องชุดขนาดใหญ่ 3-4 ห้องนอน ซึ่งจากการขายโครงการโอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ แล้วพบว่าห้องขนาดใหญ่จะขายดีกว่าห้องขนาดเล็ก โดยหลังจากนี้จะเริ่มศึกษา ออกแบบและขออนุญาตก่อสร้างคาดว่าจะเริ่มเปิดขายได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า


นายณพงศ์ กล่าวต่อว่า เมืองพัทยาเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแล้ว ยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ เช่น การขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน การเดินทางที่สะดวกมากขึ้น ด้วยเส้นทางหลวงพิเศษตัดใหม่เลี่ยงเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา-มาบตาพุด รวมทั้งแรงหนุนของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยเฉพาะโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ที่ภาคเอกชนเข้าไปลงทุนอีกหลายโครงการ นับเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ส่งผลให้ตลาดคอนโดในพัทยาจะกลับมาได้รับความนิยมของกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ

ทั้งนี้ ตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยาจากข้อมูลของคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า ช่วงครึ่งแรกของปี 2563 มีโครงการคอนโดเปิดขายใหม่ในพื้นที่พัทยาเพียง 1 โครงการ จำนวน 319 ยูนิตเท่านั้น เพราะภาพรวมของตลาดคอนโดในพัทยายังคงมีอุปทานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนหน้านี้เหลือขายอยู่ในตลาดพอสมควร บวกกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการเกิดการชะลอการลงทุน


ส่วนทำเลที่เป็นที่นิยมของกลุ่มผู้ซื้อคอนโดตากอากาศในพื้นที่พัทยา อันดับแรกคือทำเลวงศ์อมาตย์ เนื่องจากค่อนข้างเงียบสงบ มีชายหาดสวยงาม ส่งผลให้ทำเลย่านดังกล่าวมีอัตราการขายสูงสุด และหน่วยเหลือขายไม่ถึง 600 ยูนิต รองลงมาคือ พื้นที่ใจกลางเมืองพัทยาที่ตอบโจทย์ในการอยู่อาศัย และผลตอบแทนจากการลงทุนคุ้มค่า สุดท้ายคือทำเลนาจอมเทียน มีความเงียบสงบ แวดล้อมด้วยร้านอาหารชื่อดัง สวนน้ำ รวมถึงแนวเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่งผลให้ทำเลย่านนาจอมเทียนเป็นสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยและกลุ่มนักลงทุน

ขณะที่ขนาดของคอนโดที่อยู่ระหว่างการขายในพื้นที่พัทยาทั้งหมดพบว่า ห้องชุดขนาดต่ำกว่า 50 ตร.ม.เป็นขนาดที่พัฒนาออกมามากสุด 84.2% และขายไปแล้ว 66.3% ส่วนห้องชุดขนาดมากกว่า 100 ตร.ม.ขึ้นไป เหลืออุปทานแค่ 1% ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายในตลาดเท่านั้น โดยพื้นที่จอมเทียนส่วนใหญ่เป็นห้องชุดขนาดใหญ่ ส่งผลให้โครงการคอนโดที่มีขนาดห้องพักมากกว่า 100 ตร.ม.เหลือขายเพียง 610 ยูนิตเท่านั้น และเป็นขนาดที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการอยู่อาศัย