ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 80.40 ฟื้นตัวหลังซบเซาต่อเนื่อง 3 เดือน นักลงทุนคาดหวังนโยบายภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนช่วยวิกฤตโควิด-19 พร้อมเสนอฟื้นมาตรการช้อปช่วยชาติกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ประจำเดือนพฤษภาคม2563 โดยระบุว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าคือเดือนกรกฎาคม 2563 อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (Neutral) ดัชนีเพิ่มขึ้น 42% มาอยู่ที่ระดับ 80.40 จาก 56.70 จากการสำรวจครั้งก่อน หลังจากปรับตัวลงอยู่ในเกณฑ์ซบเซาติดต่อกันสามเดือน
ผลสำรวจพบว่านักลงทุนคาดหวังนโยบายภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศและการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว รวมถึงการค้นพบวัคซีนป้องกัน COVID-19 อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และการไหลเข้า-ออกของเงินทุน รวมถึงความกังวลหาก COVID-19 เกิดการแพร่ระบาดรอบสอง” โดยหมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD) หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)
นายไพบูลย์กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นดัชนีมีโอกาสแกว่งตัว แต่แนวโน้มที่ดัชนีจะปรับตัวลงแรงมีจำกัด โดยอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง เพราะดัชนีปรับตัวขึ้นมาถึง 30% จากระดับต่ำสุดในปีนี้ที่ 969 จุด คาดปีนี้มีโอกาสที่จะเห็นดัชนีหุ้นไทยที่ 1,400 จุด โดยขึ้นอยู่กับมาตรการดูแลสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศไม่ให้เกิดการระบาดในรอบ 2 จนถึงขั้นต้องมีการล็อกดาวน์เกิดขึ้นอีก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการดูแลบริษัทขนาดกลาง และขนาดเล็กที่ประสบภาวะล้มละลาย เพื่อไม่ให้กดดันให้เศรษฐกิจปรับตัวลงลึกมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะติดลบ 6-7%
นอกจากนี้ ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะมีการหารือร่วมกันเพื่อเสนอข้อคิดเห็นต่อรัฐบาลในการจัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ โดยจะเสนอแนะให้มีการกระตุ้นให้คนที่มีกำลังซื้อที่ไม่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ออกมาจับจ่ายใช้สอย และท่องเที่ยวในประเทศ โดยอาจฟื้นมาตรการช้อปช่วยชาติ มาตรการกระตุ้นเที่ยวไทย เป็นต้น ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องเป็นแพกเกจใหญ่เหมือนกับมาตรการเยียวยา จึงจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า มุมมองของตลาดคาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ในเดือนพฤษภาคมนี้อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากระดับร้อยละ 0.75 ในปัจจุบัน จากปัจจัยหลักคืออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มติดลบ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลกที่ลดลง และการไหลออกสุทธิของกระแสเงินลงทุนต่างชาติ