ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า บวกครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ขณะที่สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนลดเป้าหมายหุ้นไทยสิ้นปีอยู่ที่ 1,795 จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กันยายน 2561) ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.55 อยู่ที่ระดับ 101.33 จากระดับ 91.66 ในครั้งก่อน เป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ดัชนีอยู่ในภาวะทรงตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยนักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นดีขึ้นมาก เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องขยายตัวร้อยละ 4.4 และเชื่อมั่นผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังมีอัตรากำไรในทิศทางที่ดี
ขณะที่ความกังวลสถานการณ์การเมืองในประเทศเป็นปัจจัยฉุดความชื่อมั่นมากที่สุด นักลงทุนให้ความสนใจการกำหนดวันเลือกตั้งที่คาดว่าจะเลือกตั้งในช่วงต้นปี 2562 และการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนติดตามมากที่สุด โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยแล้ว 5,537 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สวนทางกับตลาดพันธบัตรที่เงินทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิ 3,548 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่เชื่อว่าแรงขายของต่างชาติน่าจะลดลง เนื่องจากราคาหุ้นไทยปรับตัวลดลงมามากถือว่าราคาหุ้นค่อนข้างถูก โดยหมวดธุรกิจที่น่าสนใจ คือ หมวดธนาคาร และหมวดธุรกิจ ที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ ธุรกิจเหล็ก
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า ผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน คาดว่าดัชนีหุ้นไทยระยะสั้นเป็นไปในทิศทางบวก ดัชนีสิ้นเดือนกรกฎาคมเฉลี่ยอยู่ที่ 1,629 จุด ปัจจัยที่มีผลต่อหุ้นไทยระยะสั้น คือ ปัญหาสงครามการค้า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 กระแสการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่างชาติ และการลงทุนของกองทุน โดยคาดหุ้นไทยจะกลับมาดีขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2561 ส่วนเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 1,795 จุด ลดลง 65 จุด จากการสำรวจเมื่อเดือนมิถุนายนที่คาดว่าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,860 จุด โดยดัชนีหุ้นไทยมีจุดต่ำสุดที่ 1,557 จุด และมีจุดสูงสุดที่ 1,798 จุด ส่วนคาดการณ์กำไรสุทธิ คาดว่าเติบโตร้อยละ 10.78 ลดลงจากครั้งก่อนที่ร้อยละ 11.04 โดย 5 หุ้นเด่น คือ BANPU, BBL, CPALL, IVL, LH