xs
xsm
sm
md
lg

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ให้น้ำหนักสงครามการค้า กดดันตลาดหุ้นมากกว่า “ทรัมป์-คิม”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ให้น้ำหนักสงครามการค้า กดดันตลาดหุ้นมากกว่า “ทรัมป์-คิม” พร้อมคาดเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,860 จุด

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การประชุมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กับนายคิมจองอึน ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศจะสามารถพัฒนาในทางที่ดีขึ้น แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตกลงกันได้ คงต้องมีการหารือกันอีกหลายครั้ง และต้องติดตามดูว่าพัฒนาการจะเป็นอย่างไร แต่ผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นไทย ค่อนข้างน้อย นักลงทุนให้น้ำหนักปัญหาสงครามการค้ามากกว่า หลังจากการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ จี 7 ไม่ได้ข้อสรุป ขณะที่นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ในการประชุมวันที่ 12-13 มิถุนายนนี้ รวมทั้งการประชุมธนาคารยุโรป และญี่ปุ่น

นายไพบูลย์ กล่าวว่า จากการโรดโชว์ต่างประเทศ พบว่านักลงทุนกำลังจับตามองการเมืองในประเทศไทย โดยเฉพาะความชัดเจนวันเลือกตั้ง ซึ่งหากเป็นไปตามโรดแมป จะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติหยุดแรงขายหุ้นไทย และจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในข่วงครึ่งปีหลังดีขึ้น เพราะมีปัจจัยบวกที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ดี การลงทุนเอกชน การบริโภคปรับดีขึ้นต่อเนื่อง โดย บล. ทิสโก้ คงเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้ที่ 1,850 จุด

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 91.66 ลดลงร้อยละ 1.07 จากระดับ 92.65 ในครั้งก่อน อยู่ในภาวะทรงตัวเป็นเดือนที่สอง มีปัจจัยฉุดความเชื่อมั่น คือ การเมือง การเคลื่อนย้ายเงินทุน และเงินเฟ้อที่เริ่มปรับตัวขึ้น

ด้านนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า ดัชนีสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,860 จุด โดยดัชนีสูงสุดที่ 1,877 จุด และดัชนีต่ำสุดที่ 1,686 จุด โดยคาดกำไรต่อหุ้นเติบโตร้อยละ 11.04 เฉลี่ยอยู่ที่ 110.64 บาท ระดับราคาต่อกำไรสุทธิ ที่ 16.36 เท่า โดยแนะนำ 5 หุ้นเด่น คือ BBL, CPALL, IVL, LH, PTT
กำลังโหลดความคิดเห็น