บมจ. ซีลิค คอร์พ (SELIC) เดินหน้าตามแผนปี 63 เติบโตต่อเนื่อง หลังลุยแผนบริหารจัดการต้นทุนที่ดีต่อเนื่อง ด้านผู้บริหาร "เอก สุวัฒนพิมพ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “ยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์” กรรมการผู้จัดการ ประกาศยังไม่ปรับลดเป้าแต่พร้อมเปลี่ยนแปลงปรับตัวรับสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งด้าน supply chain, ด้านการทำตลาด รวมถึงการศึกษาโอกาสเติบโตผ่าน M&A - Joint Venture - Partnership เพื่อต่อยอดธุรกิจให้แข็งแกร่ง
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2563 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน แม้ว่าในปีนี้จะเกิดเหตุการณ์สำคัญระดับโลกหลายเหตุการณ์ที่อาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินการของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่งกลุ่มบริษัทมีการติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และพร้อมปรับตัวเพื่อป้องกันอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นประกอบกับเตรียมการรับมือเพื่อให้การดำเนินการยังคงเป็นไปตามแนวทางกลยุทธ์ที่ได้วางไว้
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าจากสถานการณ์ของโรคระบาดไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 นั้น กลุ่มบริษัทมีการเตรียมความพร้อมหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านแผนการจัดหาวัตถุดิบ โดยมีการจัดหา Suppliers ใหม่สำรองไว้ 2-3 รายเป็นอย่างต่ำ ณ ปัจจุบันกลุ่มบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากฐานลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างหลากหลาย โดยส่วนมากเป็นลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมที่มีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีข้อดีจากการกระจายตัวของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ เครื่องดื่ม อาหาร และรองเท้า แต่หากสถานการณ์ยังไม่บรรเทาจะมีผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลกระยะยาว
นอกจากนี้ หากพิจารณาด้านอุตสาหกรรมโดยตรงของทั้งธุรกิจกาวอุตสาหกรรมและธุรกิจสติ๊กเกอร์ พบว่าแนวโน้มความต้องการของตลาดทั้งสองธุรกิจมีการเจริญเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปีโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียมีการเติบโตที่คาดการณ์ว่าสูงที่สุด โดยแนวโน้มนี้เป็นสัญญาณที่ดีในการขยายตัวของบริษัทฯ และยังคงเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนต่อการเติบโตของปีนี้
นายเอก กล่าวเพิ่มว่า นอกเหนือจากปัจจัยบวกข้างต้นแล้วนั้น ทางกลุ่มบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี โดยตัวเลขในปี 2562 ที่ผ่านมาเป็นตัวสะท้อนที่ดี ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนขายที่ลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการควบรวมกิจการ ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาดการต่อรองและตรึงราคาซื้อขายกับกลุ่มคู่ค้าสำคัญและการหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ รวมถึงแสวงหาวัตถุดิบทดแทน ทำให้สามารถบริหารจัดการได้ดีขึ้น
นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริมว่า สำหรับกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินงานยังคงมองในเรื่องหลัก คือ การขยายตัวของรายได้ของทั้งสองธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวโดยการเปิดตลาดใหม่หรือการขยายตัวจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการบริการที่มีความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้ง และการมุ่งเน้นด้านการพัฒนานวัตกรรมผ่านงานวิจัยและพัฒนา เพื่อให้เกิดการสนองความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้นพร้อมมุ่งสู่การเป็นผู้นำในทั้งสองธุรกิจ
นางสาวยุวดี กล่าวทิ้งท้าย กลุ่มบริษัทจะยังคงพยายามและมุ่งมั่นรักษาผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องพร้อมใช้ประโยชน์ จากการส่งเสริมกันและกันของทั้งสองธุรกิจ ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดไม่ว่าในด้านการเติบโตของยอดขาย และด้านการบริหารต้นทุน