วิกฤตไวรัสโควิด-19 สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยไม่มีประเทศใดรอดพ้นผลกระทบ รวมทั้งตลาดหุ้นไทยที่ทรุดหนัก ดัชนีหุ้นดิ่งลงไปแล้วประมาณ 350 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เกตแคป ลดวูบประมาณ 3.45 ล้านล้านบาท
กระดานหุ้นแดงเถือก จำนวนหุ้นตกนับไม่ถ้วน จำนวนหุ้นขึ้นประปราย หุ้นตัวใหญ่ตัวเล็ก หุ้นเก็งกำไรหรือหุ้นพื้นฐานดีตกอยู่ในฐานะเดียวกัน ถูกถล่มขายจนรูดยกแผง
นักลงทุนรายย่อยรอบนี้รับเละ เพราะเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ และซื้อโดดเด่นอยู่กลุ่มเดียว ยอดซื้อหุ้นสุทธิสะสมนับจากต้นปีพุ่งขึ้น 71,613.85 บ้านบาท
แต่หุ้นที่ช้อนเก็บสะสมเรื่อยมากลายเป็นหุ้นต้นทุนสูง ทำให้ต้องแบก “ของแพง” กันถ้วนหน้า
นักลงทุนที่ทยอยเข้าซื้อหุ้นไม่คาดคิดว่า ดัชนีหุ้นจะดิ่งต่ำกว่าระดับ 1,300 จุด เพราะถ้ามองว่าดัชนีจะหลุด 1,300 จุด คงไม่รีบร้อนช้อนหุ้น
และหลายคนอาจประเมินว่า หุ้นที่เข้าซื้อเก็บนั้นลงลึกมากแล้ว เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานในตัวหุ้น ราคาจึงมีความน่าสนใจความเสี่ยงการลงทุนต่ำ ราคาไม่น่าจะปรับตัวลงได้มากนัก หรือถึงจะลงต่อ แต่สามารถถือเพื่อการลงทุนระยะยาวได้
การพิจารณาลงทุนโดยหลักปัจจัยพื้นฐาน เป็นคัมภีร์ที่นักลงทุนยึดถือกันมาตลอด แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน หลักปัจจัยพื้นฐานอาจต้องพับใส่ลิ้นชักไว้ชั่วคราว
เพราะตลาดหุ้นกำลังถูกชี้นำด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งหลายประเทศยังคุมไม่อยู่ และตัวเลขผู้ติดเชื้อหรือผู้เสียชีวิตที่พุ่งขึ้น กลายเป็นแรงกดดันให้ตลาดหุ้นทั้งโลกดิ่งลง
นักลงทุนรายย่อยที่เจ็บหนัก ขาดทุนยับเยินในรอบนี้ เพราะการใช้ทฤษฎีปัจจัยพื้นฐานกันแทบทั้งสิ้น
ราคาหุ้นที่ต่ำสุดในรอบหลายปี ค่าพี/อี เรโช ที่ลดฮวบเหลือเพียงระดับ 10 เท่าเศษๆ หรือเหลือเพียงไม่กี่เท่า ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนขยับขึ้นไประดับ 4-6% กลายเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนอดใจไม่ไหว แห่เข้ามาช้อนหุ้น จนช้อนหักคากระดานกันเป็นเข่งๆ
เพราะไม่ว่าจะเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งสักปานใด เมื่อเจอแรงกระแทกจากความแตกตื่นผลกระทบเชื้อไวรัส ราคาหุ้นไม่อาจต้านทานได้ ร่วงผล็อยลงมาจนไม่อาจคาดเดาถึงจุดต่ำสุดได้
หลักปัจจัยพื้นฐานใช้ได้ดีในยามสถานการณ์ปกติ แต่สถานการณ์ขณะนี้ไม่ปกติ เพราะมีไวรัสคุกคามอยู่ และสามารถชี้นำให้หุ้นพลิกผันได้ตลอดเวลา
ตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มว่ากำลังจะฟื้นตัวขึ้น ถ้ามีข่าวสถานการณ์ไวรัสเลวร้ายลง หุ้นอาจพลิกกลับสู่ขาลงได้ทันที
นักลงทุนจึงอ้างอิงหลักปัจจัยพื้นฐานเป็นสรณะการลงทุนไม่ได้ เพราะหุ้นตกอยู่ภายใต้การชี้นำจากวิกฤตไวรัส
การวางกลยุทธ์การลงทุน หรือการตัดสินใจเข้าหรือออกในตลาดหุ้น ซื้อหรือขายหุ้น จึงต้องกำหนดจากสถานการณ์เชื้อไวรัสเป็นหลัก ไม่ได้อยู่ที่การวิเคราะห์ราคาหุ้นด้วยหลักปัจจัยพื้นฐาน
เพราะแม้จะซื้อหุ้นมาในราคาที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน แต่ ผลกระทบจากเชื้อไวรัสสามารถฉุดให้หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งทรุดหนักลง โดยไม่มีฐานราคารองรับ ทำให้หุ้นที่นักลงทุนเข้าไปเก็บ กลายเป็นหุ้นต้นทุนสูง และเสียจังหวะในการลงทุน
เพราะหากรอคอยต่อไป อาจได้ช้อนหุ้นในราคาที่ต่ำลง
ทฤษฎีปัจจัยพื้นฐานอาจต้องลดลำดับความสำคัญไว้ชั่วคราวก่อน และทุ่มเทความสนใจติดตามข้อมูลข่าวสารวิกฤตไวรัสโควิด-19 อย่างเกาะติด ประเมินสถานการณ์ไวรัสให้ได้ว่าจะไปในทิศทางไหน เพื่อใช้เป็นตัวกำหนดการตัดสินใจลงทุน
เพราะหุ้นจะฟื้นหรือฟุบ ชั่วโมงนี้ ไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัยชี้นำเท่านั้น