การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 นำพาตลาดหุ้นทั้งโลกเข้าสู่วิกฤตการณ์ครั้งใหม่อย่างเต็มตัว และเป็นวิกฤตที่ไม่อาจคาดหมายว่า จะจบสิ้นลงเมื่อไหร่
ตลาดหุ้นไทยทรุดหนักตั้งแต่ต้นปี ดัชนีหุ้นดิ่งลงม้วนเดียวกว่า 250 จุด นักลงทุนรายย่อยเสียหายหนัก เพราะปรับกลยุทธ์ไม่ทัน ไม่ได้ขายหุ้นทิ้ง และส่วนหนึ่งเข้าไปช้อนซื้อหุ้นเสียอีก
หุ้นขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ถูกเทขายไม่เลี้ยง โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติซึ่งปักหลักขายตลอด และมียอดขายหุ้นสุทธิสะสมจากต้นปี 36,951.27 ล้านบาท ถือว่าหนีออกได้ทัน จึงเจ็บตัวน้อยที่สุด
ทิศทางตลาดหุ้นตกอยู่ภายใต้การชี้นำของสถานการณ์เชื้อไวรัสเต็มตัว และเมื่อการแพร่ระบาดยังลามไม่หยุด จึงเกิดการมองโลกในแง่ร้าย มองกันแล้วว่า รอบนี้ดัชนีหุ้นคงหลุดระดับ 1,300 จุด หรือนักลงทุนบางคนอาจมองไปถึงระดับ 1,200 จุด
ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยที่มีความพยายามหยิบยกมาเพื่อปลอบใจนักลงทุน หรือพยายามชูประเด็นเพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนนั้นไม่มีนัยสำคัญอะไรแล้ว เพราะนักลงทุนไม่ได้นำปัจจัยพื้นฐานมาพิจารณาในการตัดสินใจ แต่มองที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมากกว่า
ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นโดยรวมหรือปัจจัยพื้นฐานในตัวหุ้น แม้ตัวเลขดูดี แต่เป็นตัวเลขจากผลประกอบการในอดีต ส่วนอนาคต ผลประกอบการมีแนวโน้มแย่ลง ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นจึงอ่อนลง
ไม่มีใครรู้ว่าวิกฤตไวรัสจะยืดเยื้อยาวนานขนาดไหน กระทบต่อเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเพียงใด
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีปีนี้จะโตเท่าไหร่ โตหรือไม่ ต้องรอการประเมินใหม่ หลังวิกฤตไวรัสจบ
ดังนั้น สัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นหรือค่าพี/อี เรโช อัตราเงินปันผลตอบแทนในปัจจุบัน จึงไม่อาจนำมาใช้อ้างอิงเพื่อคำนวณความเหมาะสมราคาหุ้นแต่ละตัวได้
สถานการณ์หุ้นรอบนี้ร้ายแรงเกินความคาดหมาย และยังไม่มีสัญญาณว่าจะฟื้นเมื่อไหร่ จุดต่ำสุดของดัชนีหุ้นจะอยู่ระดับใด
ก่อนหน้าเชื่อกันว่า ดัชนีหุ้ระดับ 1,450 จุด น่าจะรับมือไวรัสโควิด-19 ได้อยู่ แต่ก็ต้านไม่อยู่ และมีแนวโน้มว่าจะดิ่งลงต่อและมีโอกาสหลุดระดับ 1,300 จุด
ทุกคนรู้ว่าตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะวิกฤตเต็มรูปแบบแล้ว ดัชนีหุ้นกำลังดิ่งลงเหว แต่ไม่สามารถมองเห็นก้นเหวได้
และแม้จะรู้ดีว่าหุ้นไม่มีวันตกตลอดปีตลอดชาติ ถึงวันหนึ่งจะลงไปถึงต่ำสุด หลังจากนั้นจะเริ่มกระเตื้องขึ้น แต่วันไหนล่ะที่เป็นจุดต่ำสุดของดัชนีหุ้น และวันนี้ใกล้ถึงจุดต่ำสุดหรือยัง
จุดต่ำสุดของตลาดหุ้นหรือจุดสิ้นสุดของขาลงรอบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อวิกฤตเชื้อไวรัสสิ้นสุด โดยการค้นพบวัคซีนป้องกันหรือค้นพบยารักษาเท่านั้น
การควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดได้ อาจช่วยบรรเทาความตื่นตระหนกในระยะสั้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกหยุดดิ่งลงเหวชั่วคราวเท่านั้น แต่ความกังวลการแพร่ระบาดยังดำรงอยู่
นักลงทุนรายย่อยมองโลกในแง่ดีนับตั้งแต่มีข่าวการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โดย เป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อหุ้นมาตลอด โดยมียอดซื้อหุ้นสุทธิสะสมจากต้นปี 53.995.69 ล้านบาท
ปิดบัญชีการลงทุนรอบ 2 เดือนแรกปีนี้ รายย่อยรับเละแต่เพียงผู้เดียว บาดเจ็บสาหัสโดนถ้วนทั่ว แต่มีสิทธิเจ็บตัวต่อไป ถ้ายังลุยเก็บหุ้นต่อ
รู้ทั้งรู้ว่า หุ้นขาลงรอบนี้ไม่มีเพดานขั้นต่ำ ไม่สามารถควานหาก้นเหวได้ รายย่อยยังจะสู้ต่อ เข้าไปแบกรับ “ของแพง” จากนักลงทุนขาใหญ่ โดยเฉพาะฝรั่งอีกหรือ
พักรบ ถอยห่างจากตลาดหุ้นชั่วคราวก่อนดีไหม