แม้หุ้นจะลงมาลึก แต่ข่าวร้ายยังถล่มไม่หยุด โดยเฉพาะ ปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งยังไม่อาจประเมินได้ว่าจะสงบลงเมื่อไหร่ และสร้างผลกระทบรุนแรงเพียงใด
ฝ่ายวิจัยบริษัทโบรกเกอร์สำนักต่างๆ ทยอยปรับลดประมาณการเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป้าหมายดัชนีหุ้น และตัวเลขผลกำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้กันใหม่ โดย ส่วนใหญ่หั่นอัตราการเติบโตของจีดีพีลงต่ำกว่า 2% ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนชะลอตัวลง
และ ดัชนีหุ้นจะหลุดลงต่ำกว่า 1,500 จุด ซึ่งเป็นคำทำนายที่ไม่ห่างไกลจากความจริงนัก
นักลงทุนต่างประเทศปักหลักขายหุ้นทิ้งอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายสุทธิสะสมนับจากต้นปีทะลุ 30,000 ล้านบาทแล้ว แต่นักลงทุนรายย่อยกลับเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ และช่วงนี้ยังลุยช้อนเก็บหุ้นอย่างไม่กลัวตาย
ราคาหุ้นทุกกลุ่มทรุดลงมาก จนนักลงทุนรายย่อยเห็นเป็นโอกาสในการซื้อดักเก็งกำไร เพราะมองว่าหุ้นราคาถูกเกินไป และมีโอกาสดีดกลับในระยะสั้น
แต่นักลงทุนรายย่อยเป็นกลุ่มที่คิดผิดตั้งแต่ดัชนีหุ้นหลุดจากระดับ 1,600 จุด และกลายเป็นกลุ่มที่ซื้อหุ้นแพงมาตลอดทางช่วงขาลง
ตลาดหุ้นไทยขณะนี้ไม่ได้ถูกอย่างที่คิด เพราะค่า พี/อี เรโช เฉลี่ยตลาดอยู่ที่ประมาณ 18 เท่า สูงกว่าค่า พี/อี เรโช เฉลี่ยของตลาดหุ้นย่านเอเชีย ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 15 เท่า
และการคาดหมายผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้กำลังถูกปรับลดลงประมาณการลงมา โดยมีแนวโน้มว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนโดยรวมปีนี้จะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งหมายถึงค่า พี/อี เรโชเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยจะสูงขึ้น
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังดำเนินต่อไป ตัวเลขผู้เสียชีวิตและติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีข่าวดีเกี่ยวกับเชื้อมรณะ ไม่ว่าการควบคุมการแพร่ระบาด การค้นพบวัคซีนป้องกันหรือยารักษา
เศรษฐกิจทั่วโลกปั่นป่วนเพราะผลกระทบจากเชื้อไวรัส และไม่มีใครประเมินได้ว่า ผลกระทบจะลุกลาม สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศขนาดไหน
ประเทศไทยถูกเชื้อไวรัสเล่นงานจนสะบักสะบอม ธุรกิจการท่องเที่ยวพังพินาศ เศรษฐกิจทรุดหนัก ตลาดหุ้นกลับเข้าสู่ช่วงขาลงเต็มตัว
ดัชนีหุ้น 1,500 จุด คงไม่สามารถยืนอยู่ได้ และไม่รู้ว่าวิกฤตรอบนี้ดัชนีหุ้นจะลงไปต่ำสุดที่ระดับใด
นักลงทุนที่มองโลกสวย วันนี้ต้องหันมาทบทวนมุมมองกันใหม่ และกำหนดกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ที่เป็นจริง เพื่อป้องกันตัวเองจากความเสี่ยง หรือความผิดพลาดจนเกิดความเสียหาย
สถานการณ์แวดล้อมตลาดหุ้นกำลังเต็มไปด้วยข่าวร้าย ดัชนีหุ้นยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวลง และไม่มีหุ้นกลุ่มใดหรือหุ้นตัวใดแข็งแกร่งจนสามารถยืนต้านกระแสการปรับตัวลงของตลาดได้
แรงขายของต่างชาติที่ไหลออกมาไม่หยุด เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ต่างชาติยังมีมุมมองในเชิงลบเกี่ยวกับทิศทางตลาดหุ้นไทย จึงลดน้ำหนักการลงทุน และแม้จะขาดทุน แต่ก็เทขายอย่างไม่ไยดี
ทำไมจะต้องรีบร้อนช้อนซื้อหุ้น ในเมื่อ ตลาดหุ้นยังคุกรุ่น ฝุ่นตลบด้วยข่าวร้าย และไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวในระยะสั้น นอกจากความเสี่ยงที่จะปรับฐานลงต่อ
ทำไมจะต้องเข้าไปรับ “ของแพง” จากฝรั่ง ในเมื่อมีโอกาสรอคอยจังหวะช้อนซื้อ "ของถูก"
กลยุทธ์การลงทุนท่ามกลางความแปรปรวนของตลาดหุ้น ควรจะสงวนเงินสดไว้ให้มากสุด รอคอยจนฝุ่นจาง รอหุ้นปรับฐานจนสะเด็ดน้ำ
และรอจนมั่นใจว่า หุ้นอยู่ในช่วงปลายขาลงจริงๆ จึงเริ่มต้นทยอยช้อนหุ้นเก็บ เมื่อหุ้นยังอยู่ในช่วงขาลงเต็มตัว ทำไมต้องเข้าไปเสี่ยงเจ็บตัว