ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งก่อกำเนิดจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ถล่มตลาดหุ้นทั่วโลกจนทรุดหนักตามๆ กัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย ที่ดัชนีหุ้นรูดลงต่อเนื่อง จนหลุด 1,500 จุดลงมาแล้ว และไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวในระยะสั้น
สถานการณ์ของวิกฤตไวรัสสายพันธุ์ใหม่อยู่ในภาวะ “เอาไม่อยู่” โดยแม้ดัชนีหุ้นจะทรุดลงมาจากระดับ 1,600 จุด และปิดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาในระดับ 1,496.06 จุด ต่ำสุดในรอบ 3 ปี หรือลงมารอบนี้กว่า 100 จุด แต่ยังมีแนวโน้มที่จะลงได้อีก ตราบใดที่จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตยังพุ่งขึ้น
นักลงทุนรายใหญ่ ไม่ว่าต่างชาติ นักลงทุนสถาบันในประเทศ หรือพอร์ตโบรกเกอร์ ทยอยลดน้ำหนักการลงทุนมาตลอด เทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่ นักลงทุนรายย่อย แห่เข้าไปช้อนซื้อ เพราะทนราคาหุ้นที่เย้ายวนไม่ไหว และคิดว่าหุ้นลงมาสะท้อนรับข่าวร้ายมากแล้ว
นักลงทุนรายย่อยจึงกลายเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสจากเมืองอู่ฮั่นมากที่สุด เพราะเข้ามาช้อนซื้อของแพงเข้าพอร์ต นับตั้งแต่เริ่มการแพร่ระบาดของเชื้อโรคร้าย
บริษัทโบรกเกอร์หลายแห่งเตรียมปรับลดประมาณการเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปี และอัตราผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ เพราะตัวเลขที่ประมาณการไว้เดิม คงเป็นไปไม่ได้ หลังเกิดจากผลกระทบเชื้อไวรัส การเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ที่ต้องล่าช้า และผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง
ตัวเลข 1,700 จุด ซึ่งโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ประมาณการกันไว้ คงไม่ได้เห็นแล้วในปีนี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดขณะนี้คือ หุ้นรอบนี้จะลงไปถึงระดับใด และเมื่อไหร่หุ้นจะซึมซับรับข่าวร้ายจนหมด และเริ่มกระเตื้องขึ้นมาใหม่
ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย เคยมีมุมมองตลาดหุ้นปีนี้ไว้ โดยประเมินว่า ดัชนีหุ้นมีโอกาสทรุดลงไปที่ระดับ 1,450 จุด และเป็นการประเมินก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาด้วยซ้ำ ซึ่งสิ่งที่ผู้บริหาร บล.กสิกรไทย ทำนายไว้ เริ่มไม่ห่างไกลจากความจริงแล้ว
ผลกระทบจากไวรัสอู่ฮั่น ไม่ได้กระทบเฉพาะกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวเสียแล้ว แต่กำลังส่งผลกระทบในวงกว้าง กระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และกระทบต่อหุ้นทุกกลุ่ม โดยหากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดภายในระยะสั้นๆ ได้ ผลกระทบจะยิ่งรุนแรง
นักลงทุนไม่ควรมองโลกในแง่ดี ไม่มองราคาหุ้นที่ลงมาเป็นโอกาสในการช้อนซื้อหุ้นเก็บ เพราะยังไม่อาจประเมินได้ว่า ผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนาจะลุกลามบานปลายเพียงใด กระทบต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนขนาดไหน
และวิกฤตเชื้อร้ายจากเมืองอู่ฮั่นจะถูกควบคุมสถานการณ์ได้เมื่อไหร่
ใครที่ลุยซื้อหุ้นสวนวิกฤตไวรัส ผลที่ได้รับเห็นชัดกันแล้ว เพราะต้องแบกต้นทุนหุ้นราคาแพงกันถ้วนหน้า แทนที่จะถือเงินสดไว้ เพื่อรอคอยโอกาสช้อนซื้อหุ้นต้นทุนต่ำจริงๆ เมื่อมีสัญญาณว่า วิกฤตเชื้อไวรัสจะถูกควบคุมได้
ดัชนีหุ้นระดับ 1,496 จุด ดูเหมือนต่ำ ดูเหมือนปลอดภัย และเป็นราคาที่ยั่วยวนให้ซื้อ แต่ถ้าประเมินจากวิกฤตไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ตามติดตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตที่ตัวเลขพุ่งทะยานอย่างก้าวกระโดดแล้ว ตลาดหุ้นทั่วโลกคงไม่นิ่ง และมีโอกาสรับพิษจากการแพร่ระบาดต่อไป
ดังนั้น แม้หุ้นจะถูก แต่ไม่น่าซื้อ และไม่ว่าจะเป็นหุ้นอะไร กลุ่มไหน ยังไม่น่าเสี่ยงทั้งสิ้น เพราะเสี่ยงเข้าไป มีโอกาส “ติดกับ” ไวรัสอู่ฮั่น เช่นเดียวกับนักลงทุนรายย่อยที่เข้าไปซื้อสวนวิกฤตกันก่อนหน้า