เปิดตลาดหุ้นรับสัปดาห์ใหม่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นักลงทุนตั้งความหวังว่า ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์คงกระเตื้องขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่ต้องผิดหวัง เพราะดัชนีหุ้นทรุดลงแรง เพราะความกังวลในผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา และปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศที่ซบเซาอย่างหนัก
แนวโน้ม การลงทุนในตลาดหุ้นปีนี้ถูกประเมินแล้วว่า ไม่น่าจะสดใสมากนัก และมีความเสี่ยงในความผันผวนสูง เพราะมีปัจจัยลบรอบด้าน โดยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาจะซ้ำเติมให้เศรษฐกิจถดถอยอย่างหนัก จน สำนักวิจัยเศรษฐกิจต้องปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีปีนี้ลง
จากเดิมที่คาดว่า จีดีพีปีนี้จะโตประมาณ 2.8% ล่าสุด ปรับลดลงเหลือโตประมาณ 2% เล็กน้อย และบางสำนักคาดการณ์ว่า จะโตต่ำกว่า 2%
ธุรกิจท่องเที่ยวพังหนัก หุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวรูดกันยกแผง ทั้งกลุ่มโรงแรม กลุ่มสายการบิน หรือแม้แต่หุ้นสนามบิน
ประมาณการผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ถูกปรับลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จากผลกระทบไวรัสอู่ฮั่น ภัยแล้ง กำลังซื้อที่ตกต่ำอย่างหนัก งบประมาณที่ล่าช้า
ไม่มีการพูดถึงการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ เพราะรู้กันดีว่า ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และไม่อาจประเมินได้ว่า ผลกระทบจากไว้รัสอู่ฮั่นจะลุกลามบานปลายขนาดไหน ต่างชาติคงไม่กลับมาง่ายๆ
และตลาดหุ้นไทยก็ไม่ได้มีความน่าสนใจเท่าใดนัก โดยค่า พี/อี เรโช ล่าสุดอยู่ที่ 18.42 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นย่านเอเชียที่มีค่า พี/อี เรโช ประมาณ 15.4 เท่า และ จีดีพีไทยปีนี้ยังเติบโตในอัตราต่ำ จึงไม่มีเหตุผลใดที่ต่างชาติจะรีบร้อนขนเงินกลับมาไล่ซื้อหุ้น
การเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยอ้างว่า ราคาหุ้นปรับฐานลงมาลึกแล้ว การปลอบประโลม โดยระบุว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง อาจเป็นการชี้นำให้เกิดความเข้าใจผิด และทำให้นักลงทุนเกิดความเสียหายได้ โดยเข้าไปซื้อหุ้น เพราะคิดว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นเสร็จสิ้นแล้ว
หรือคิดว่า หุ้นมีราคาต่ำมากแล้ว และเป็นโอกาสในการซื้อเก็บ ทั้งที่ตลาดหุ้นอาจยังไม่ได้ซึมซับรับปัจจัยลบไปทั้งหมด
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO เพิ่งแถลงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ปรากฏว่า ความเชื่อมั่นลดลงมาอยู่ในภาวะซบเซาเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี เนื่องจากกังวลสถานการณ์การท่องเที่ยวและสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมทั้งนักลงทุนยังรอดูผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ผลกระทบจากเชื้อไวรัสอู่ฮั่น แพร่กระจายไปทั่วโลก แต่ตลาดหุ้นไทยเปราะบางอยู่แล้ว เมื่อถูกซ้ำเติมด้วยปัจจัยลบ จึงเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตใหญ่ตามมา จนเกิดการเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง
วันอังคารที่ผ่านมา หุ้นควรจะดีดตัวขึ้นตามดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของสหรัฐฯ หรือปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นย่านเอเชีย แต่ดัชนีหุ้นกลับปักหัวลงแรง ถอยหลังลงไปใกล้ระดับ 1,500 จุดอีกครั้ง
โบรกเกอร์หลายสำนักเริ่มปรับลดประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปีนี้ลงแล้ว และแทบไม่เหลือโบรกเกอร์ที่มองโลกสวย เป้าดัชนีฯ 1,700 จุดที่ประเมินกันไว้ตอนต้นปีถูกหั่นลงมาแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ยังมองว่า ปลายปีดัชนีฯ น่าจะยืนเหนือระดับ 1,600 จุดได้
แต่ใครจะรับประกันว่า ตลาดหุ้นปีนี้ต้องดีกว่าปีก่อน และดัชนีฯ จะพุ่งเหนือ 1,600 จุด
เพราะข่าวร้ายคุกรุ่นอยู่รอบด้าน จนไม่แน่ใจว่า 1,500 จุดจะต้านอยู่หรือไม่