นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่เคยประเมินว่า ดัชนีหุ้นที่เคยลงไปแตะระดับ 1,317 จุด น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของรอบนี้แล้ว แต่สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังเลวร้าย ฉุดให้ตลาดหุ้นเกิดจุดต่ำสุดใหม่จนได้
ภาวะตลาดหุ้นนับตั้งแต่ต้นปีมีความผันผวนรุนแรง โดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส ดัชนีแกว่งตัวขึ้นได้วันละ 40-50 จุด และพร้อมจะดิ่งลงวันละ 50-70 จุด
เพียงข้ามคืน ทิศทางหุ้นอาจเปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม วันนี้อาจขึ้นแรง แต่วันรุ่งขึ้นอาจทรุดหนัก จนนักลงทุนปรับกลยุทธ์ไม่ทัน
การอ้างอิงปัจจัยพื้นฐานไม่อาจนำมาใช้กับภาวะการลงทุนในปัจจุบันได้ เพราะสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครอบงำตลาดหุ้นเต็มตัว
มีความพยายามองโลกในแง่ดี โดยอ้างว่า ดัชนีฯ ที่ทรุดลงมายืนระดับ 1,300 จุดต้นๆ นั้น ถือว่าได้ซึมซับรับข่าวร้ายของเชื้อไวรัสแล้ว และแนะนำให้นักลงทุนเริ่มทยอยเก็บ แต่เมื่อการแพร่ระบาดยังลุกลาม ผลกระทบจึงยังไม่สิ้นสุด นอกจากนั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจจะร้ายแรงขนาดไหน
หุ้นดูเหมือนจะฟื้นตัวขึ้นมาหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกถล่มจนร่วงลงไปใหม่ โดยดัชนีหุ้นที่ทะลุขึ้นไปยืนเหนือ 1,400 จุด เมื่อกลางสัปดาห์ก่อน เพราะได้แรงหนุนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของสหรัฐฯ ที่พุ่งทะยานกว่า 1 พันจุด ทำให้นักลงทุนคิดว่า วิกฤตไวรัสโควิด-19 คงคลี่คลาย บรรยากาศการลงทุนคงสดใสขึ้น และแห่เข้ามาไล่ช้อนซื้อหุ้นกัน
แต่ข่าวร้ายเชื้อไวรัสก็ตามมาหลอกหลอนอีก ทำให้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปักหัวลงนับ 1 พันจุด ฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกระส่ำระสาย แถมซ้ำเติมด้วยราคาน้ำมันที่รูดลงแรงติดต่อ 2 วันกว่า 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถล่มตลาดหุ้นไทยจนทรุดฮวบลงต่ำกว่า 1,300 จุด สร้างจุดต่ำสุดใหม่รอบนี้
นักลงทุนรายย่อยกลายเป็นกลุ่มที่เจ็บหนัก เพราะซื้อหุ้นมาตลอด ยิ่งลงยิ่งซื้อ เพราะคิดว่าซื้อของถูก คิดว่าหุ้นถึงจุดต่ำสุดหรือใกล้จุดต่ำสุดแล้ว เมื่อซื้อแล้วขาดทุน ยิ่งถลำลึกลงไปอีก โดยเข้าไปซื้อหวังถัวเฉลี่ยต้นทุนหุ้นที่ซื้อไว้ก่อนหน้า
ยอดซื้อสะสมของนักลงทุนรายย่อยรวมแล้ว 55,855.76 ล้านบาท ต่างชาติขายสะสมสุทธิ 53,093.97 ล้านบาท โดยกองทุนรวมที่คิดว่าซื้อหนัก แต่มียอดซื้อหุ้นสุทธิสะสมเพียง 1,020.22 ล้านบาทเท่านั้น
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ไม่อาจคาดหมายว่า จุดถึงจุดเลวร้ายสุดเมื่อใด ทำให้ไม่อาจประเมินจุดต่ำสุดของตลาดหุ้นได้
ความพยายามของประเทศต่างๆ ในการชะลอผลกระทบจากวิกฤตไวรัส ไร้ผลอย่างสิ้นเชิง รวมทั้งสหรัฐฯ โดยตลาดหุ้นดีดตัวขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่จะม้วนตัวลงต่อ
นักลงทุนที่คิดว่าหุ้นจะฟื้น และรีบชิงจังหวะเข้าไปซื้อดักเก็งกำไร ต้องเจ็บตัวซ้ำซาก เพราะหุ้นพลิกผันวันต่อวัน
นักลงทุนที่ช้อนซื้อหุ้นคิดเหมือนกันว่า หุ้นลงมาถูกแล้ว แต่พรุ่งนี้กลับถูกกว่า และยังไม่รู้ว่า จุดถูกที่สุดอยู่ที่ไหน
แม้ดัชนีหุ้นจะทรุดลงประมาณ 300 จุด เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดที่ระดับ 1,600 จุด แต่ยังไม่ใช่คำตอบว่า ตลาดหุ้นตอบรับข่าวร้ายเชื้อไวรัสหมดสิ้นแล้ว ดังนั้น ขาลงรอบนี้จึงยังไม่ปิดฉาก
คิดจะช้อนซื้อหุ้น ต้องยับยั้งชั่งใจ ถามตัวเองว่า มั่นใจแล้วหรือว่า ตลาดหุ้นผ่านพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว ถ้ายังไม่มั่นใจ ทำไมต้องเสี่ยงเจ็บตัวซ้ำซาก
ตลาดหุ้นกำลังเผชิญอภิมหาวิกฤตครั้งใหญ่ และไม่ควรสวนวิกฤตที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่