บริษัท อี ฟอร์ แอล เอ็ม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL แจ้งตลาดหลักทรัพย์ การขยายเวลาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเป็น 65 วัน โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 9 มีนาคมนี้ และเป็นการขยายเวลาจองซื้อหุ้นใหม่ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4
หุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขายครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 8,054.21 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.075 บาท ซึ่งจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 5 สตางค์
การชำระค่าหุ้นกำหนดขึ้นระหว่างวันที่ 2-25 ธันวาคม 2562 รวม 15 วันทำการ แต่อาจเป็นเพราะหุ้นเพิ่มทุนเหลือขายจำนวนมาก บริษัทฯ จึงขอขยายเวลาการจองซื้อจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 ซึ่งผู้ถือหุ้นเดิมส่วนใหญ่คงสละสิทธิการจองซื้ออีก จึงต้องขยายเวลาการจองซื้อไปจนถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563
แต่ยอดการจองซื้อหุ้นใหม่คงไม่สูง จึงต้องขยายเวลาการจองซื้อเป็นครั้งที่ 4 จนถึงวันที่ 9 มีนาคมนี้ โดยเป็นบริษัทจดทะเบียนอีกแห่งที่เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในเวลายาวนานที่สุด และไม่รู้ว่าจะมีการขยายเวลาการจองซื้อเป็นครั้งที่ 5 หรือไม่
ราคาหุ้น EFORL นับจากการประกาศเพิ่มทุนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ถูกประคองให้เคลื่อนไหวระหว่าง 3-6 สตางค์ และราคาหุ้นที่แกว่งตัวขึ้นลงในระดับนี้ ทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่กล้าใส่เงินเพิ่มทุนเข้ามา เพราะกลัวความเสี่ยงจากราคาหุ้นที่ผกผัน
และมีบทเรียนจากหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียนหลายกรณีแล้ว โดยเมื่อราคาหุ้นที่ซื้อขายในกระดานใกล้เคียงกับราคาหุ้นเพิ่มทุน หรือสูงกว่าเพียงเล็กน้อย หากชำระค่าจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเข้าไป หลังปิดการจองซื้อหุ้นใหม่ ราคาหุ้นบนกระดานมักจะถูกปล่อยให้ทรุดตัวลงต่ำกว่าราคาหุ้นใหม่ ทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นใหม่ต้องเสียหาย
ผู้ถือหุ้นรายย่อยจึงไม่ไว้ใจ EFORL และยังไม่ยอมใส่เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน
โครงสร้างผู้ถือหุ้น EFORL ประกอบด้วย นายวิชัย ทองแตง ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 22.68% ของทุนจดทะเบียน โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวน 15,423 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 53.21% ของทุนจดทะเบียน
การระดมทุนของ EFORL ครั้งนี้ เป้าหมายใหญ่คือ การสูบเงินจากผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยไม่รู้ว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะใส่เงินเข้ามาหรือไม่ เพราะก่อนหน้านั้น บริษัท ไดเมท (สยาม) จำกัด (มหาชน) หรือ DIMET ก็ประกาศเพิ่มทุน แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีกลุ่มใดใส่เงินเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน
ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยก็รู้ทันฝ่ายบริหาร DIMET และพากันสละสิทธิจองซื้อ จนแผนการออกหุ้นใหม่เพื่อสูบเงินของ DIMET ล้มไม่เป็นท่า
เช่นเดียวกัน แผนการเพิ่มทุนของ EFORL อาจกำลังเผชิญปัญหาเช่นเดียวกับ DIMET เพราะผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่หลวมตัวใส่เงิน ด้วยเหตุผลหลายประการ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะราคาหุ้นใหม่ที่เสนอขายไม่จูงใจ และผลประกอบการบริษัทย่ำแย่ เพราะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
ปี 2560 ขาดทุนสุทธิ 1,163.11 ล้านบาท ปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 166.31 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 46.95 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้นรายย่อย EFORL น่าจะถอดใจแล้ว สำหรับการเติมเงินใหม่เข้าไป แต่ฝ่ายบริหารบริษัทยังซื้อเวลาต่อไป โดยต่ออายุการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเป็นครั้งที่ 4 แม้ความหวังที่จะระดมทุนได้ตามแผนจะริบหรี่เต็มทีก็ตาม
การที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยเมินหุ้นเพิ่มทุน อาจเป็นเพราะพฤติกรรมในอดีตของหุ้นตัวนี้ ซึ่งเคยเป็นหุ้นเก็งกำไรร้อนแรง มีข่าวจุดพลุราคาเป็นช่วงๆ พาแมลงเม่าให้บินเข้ากองไฟ นักลงทุนรายย่อยเสียหายกันนับหมื่นราย
การขยายเวลาจองซื้ออีก อาจไม่ช่วย EFORL ขายหุ้นเพิ่มทุนได้ เพราะผู้ถือหุ้นรายย่อยน่าจะตัดสินใจไปแล้ว ไม่จองซื้อ
แต่สิ่งที่นักลงทุนอยากรู้คือ ตั้งแต่เปิดการจองซื้อหุ้นตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2562 มีผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิจองซื้อหุ้นแล้วเท่าไหร่
ฝ่ายบริหาร EFORL น่าจะรายงานเป็นข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ ไม่ใช่อุบไว้ จนผู้ถือหุ้นรายย่อยกลัวว่าจะถูกหลอกให้จองซื้อหุ้นใหม่แต่ฝ่ายเดียว
ปีนี้บริษัทจดทะเบียนจะเพิ่มทุนกันเยอะ โดยผู้ถือหุ้นรายย่อยตกอยู่ในเป้าหมายการสูบเงิน ดังนั้น ก่อนใส่เงินเพิ่มทุนบริษัทจดทะเบียนใด ต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ
ป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกบริษัทจดทะเบียนใช้แผนเพิ่มทุนมาหลอกกิน