การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน บริษัท ไดเมท (สยาม) จำกัด (มหาชน) หรือ DIMET เสนอขายบุคคลในวงจำกัด กลุ่มนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กลายเป็นชนวนขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารบริษัท เพราะกรรมการบริษัทหลายคนออกมาคัดค้านการขายหุ้น เนื่องจากเห็นว่า ราคาเสนอขายต่ำและไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชน
DIMET ประกาศเพิ่มทุน นำหุ้นใหม่จำนวน 537.90 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม ในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 50 สตางค์ จากราคาพาร์ 50 สตางค์ พร้อมแจกใบสำคัญแสดงสิทธิการจองซื้อหุ้นสามัญ หรือวอร์แรนต์ 1 หน่วย กำหนดราคาแปลงสภาพ 65 สตางค์
หุ้นเพิ่มทุนเรียกชำระ ระหว่างวันที่ 23-29 มกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิจองซื้อเพียง 13 ราย จำนวนหุ้นที่จองซื้อทั้งสิ้น 4.66 แสนหุ้น ได้เงินจากการชำระค่าหุ้น จำนวน 2.33 แสนบาท โดยมีหุ้นเหลือขาย จำนวน 537.44 ล้านหุ้น
จำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่มีผู้ใช้สิทธิจองซื้อ คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 1% ของหุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขาย แสดงให้เห็นชัดว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งมีส่วนผลักดันมติเพิ่มทุนทุกกลุ่มสละสิทธิจองซื้อหมด
การเพิ่มทุนครั้งนี้ จึงมีเป้าหมายเพื่อสูบเงินจากผู้ถือหุ้นรายย่อยเท่านั้น
แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่รู้ทัน ไม่ยอมถูกหลอกให้เติมเงินง่ายๆ และพร้อมใจกันไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนเหมือนกัน
โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของ DIMET ประกอบด้วย บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นในสัดส่วน 24.98% ของทุนจดทะเบียน นายชินชัย ลีนะบรรจง ถือหุ้นในสัดส่วน 7.66% และ น.ส.กาญจนา วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ถือหุ้นในสัดส่วน 6.75% โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวน 2,289 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 59.90% ของทุนจดทะเบียน
หุ้นเพิ่มทุนที่เหลือขายจำนวน 537.44 ล้านหุ้นนั้น คณะกรรมการ DIMET แก้ปัญหา โดยมีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 3 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผานมา ให้จัดสรรหุ้นแก่บุคคลในวงจำกัด 4 ราย ในราคาซื้อขายบนกระดานถัวเฉลี่ยย้อนหลังไม่เกิน 15 วัน และมีส่วนลดอีก โดยสรุปขายในราคา 0.315 บาท
บุคคลในวงจำกัดที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนประกอบด้วย นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ จำนวน 204.76 ล้านหุ้น นายธนนนท์ เตรียมชาญชัย จำนวน 28.57 ล้านหุ้น นายวิรัตน์ ภัทรเมธากุล จำนวน 58.41 ล้านหุ้น และนายยู้ หว่า แซ่ลี จำนวน 219.04 ล้านหุ้น
แต่การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้บุคคลในวงจำกัดราคา 0.315 บาท ถูกกรรมการบริษัทเสียงข้างน้อย รวมทั้งนายธีระชัย ลีนะบรรจง กรรมการคัดค้าน เพราะเป็นราคาที่ต่ำไป ไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นเดิมที่ต้องจองซื้อราคา 50 สตางค์ และไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชน
คณะกรรมการ DIMET จึงจัดประชุมใหม่เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ และมีมติ 5 ต่อ 1 ปรับราคาเสนอขายใหม่เป็นหุ้นละ 50 สตางค์
และจัดสรรให้บุคคลในวงจำกัดเพียง 2 ราย คือ นายเฉลิมชัย จำนวน 129 ล้านหุ้น และนายยู้ หว่า จำนวน 132 ล้านหุ้น และทำให้ 2 คนถือหุ้นรวมกันกว่า 32% ของทุนจดทะเบียน กลายเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มใหญ่ที่สุด
อย่างไรก็ตาม นายธีระชัย ในฐานะกรรมการเสียงข้างน้อย 1 คน คัดค้านการจัดสรรหุ้นให้บุคคลในวงจำกัดอีก และขอหารือกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เกี่ยวกับกระบวนการจัดสรรหุ้นให้บุคคลในวงจำกัด
ถ้าไม่ถูกทักท้วง นายเฉลิมชัย และนายยู้ หว่า คงได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในราคาต่ำกว่าราคาที่ผู้ถือหุ้นเดิมซื้อประมาณ 40% ไปเรียบร้อยแล้ว
การเพิ่มทุนครั้งล่าสุดของ DIMET และการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กลุ่มนายเฉลิมชัย กลายเป็นธุรกรรมที่มีความลับลมคมใน เริ่มตั้งแต่บรรดาผู้ถือหุ้นใหญ่พร้อมใจกันสละสิทธิจองซื้อ ตามด้วยการนำหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือขายจัดสรรให้บุคคลในวงจำกัด ในราคาต่ำกว่าราคาที่เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมเกือบ 40%
DIMET เป็นหุ้นที่ไม่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนส่วนใหญ่อยู่แล้ว เพราะผลประกอบการย่ำแย่ ขาดทุนต่อเนื่องหลายปี หุ้นแทบไม่มีการซื้อขาย บางวันซื้อขายเพียงไม่กี่พันบาท ราคาแกว่งตัวแถว 30 สตางค์เศษมาพักใหญ่ เพิ่งถูกกระชากขึ้นมาระดับ 50 สตางค์ไม่กี่วันก่อนหน้า
การนำหุ้นเพิ่มทุนขายให้บุคคลในวงจำกัด จะทำให้โครวสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่เปลี่ยนไป โดยกลุ่มเอื้อวิทยา หรือกลุ่มลีนะบรรจง จะถูกลดสัดส่วน กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง แต่ กลุ่มนายเฉลิมชัย จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง
การเข้ามาของกลุ่มนายเฉลิมชัย ไม่มีใครรู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง ไม่มีใครรู้เจตนาการฮุบบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ และไม่มีใครมั่นใจว่า โครงสร้างกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เปลี่ยนไปจะทำให้ฐานะของกิจการดีขึ้นหรือเลวร้ายลงไปอีก
ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนกว่า 2 พันรายที่ไม่ยอมใส่เงินเพิ่มทุน คงรู้ตัวแล้วว่า ไม่ควรเสี่ยงกับ DIMET แต่ปัญหาที่ต้องตัดสินใจต่อไปคือ จะทำอย่างไรกับหุ้นต้นทุนสูงๆ ที่หลวมตัวเข้าไปซื้อและติดกันไว้
ทำใจชิงตัดขายขาดทุน ถอยหนีจาก DIMET ดีไหม