ขั้นตอนการเสนอขายหุ้น บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ในส่วนของประชาชนทั่วไปปิดฉากไปแล้ว หลังจากนี้ทุกคนต้องเฝ้ารอคอยว่า เมื่อเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว หุ้นน้องใหม่ที่ระดมทุนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ จะทำให้นักลงทุนผิดหวังหรือไม่
ปลายปีก่อน หุ้นบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เคยสร้างประวัติศาสตร์ นำหุ้นเสนอขายประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ระดมทุนมากที่สุด จำนวน 48,000 ล้านบาท แต่สถิติหุ้น AWC กำลังถูกหุ้น CRC ทำลาย เพราะจะนำหุ้นเสนอขายระดมทุนประมาณ 72,000 ล้านบาท
AWC กับ CRC เป็นหุ้นขนาดใหญ่ด้วยกัน มีเจ้าสัวถือหุ้นใหญ่เหมือนกัน และกำลังมีคำถามว่า เมื่อเข้าตลาดหุ้นแล้ว CRC จะทำให้นักลงทุนต้องผิดหวังเหมือนหุ้น AWC หรือไม่
การเสนอขายหุ้นสู่ประชาชนทั่วไปของ CRC ดำเนินควบคู่ไปกับการเทนเดอร์ออฟเฟอร์ หรือการทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS ในสัดส่วน 1 หุ้น ROBINS ต่อ 1.55 ถึง 1.66 ห้น CRC ก่อนที่จะเพิกถอน ROBINS ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน
CRC ถือหุ้น ROBINS ทั้งทางตรงและทางอ้อมในสัดส่วน 53.83% ส่วนที่เหลือเป็นนักลงทุนกลุ่มอื่นและนักลงทุนรายย่อย โดยกฎเกณฑ์การทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์และเพิกถอนการเป็นบริษัทจดทะเบียน กำหนดไว้ชัดเจนว่า ต้องเสนอทางเลือกหนึ่งเป็นเงินสดเสมอ
แต่ CRC กลับได้รับการผ่อนปรนเป็นกรณีพิเศษ เพราะไม่มีเงื่อนไขการซื้อหุ้นคืนเป็นเงินสดให้ผู้ถือหุ้น ROBINS เลือก แต่กำหนดเฉพาะการแลกหุ้นเท่านั้น
ข้อผ่อนปรนกรณีไม่ซื้อคืนด้วยเงินสดเพื่อเปิดเป็นทางเลือกให้ผู้ถือหุ้น ROBINS ต้องถามสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า สามารถผ่อนปรนได้ในทุกกรณีหรือไม่ หรือเป็นสิทธิพิเศษเฉพาะบางกรณีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจกว่าคือ หุ้น CRC มีแนวโน้มจะดีหรือไม่
ถ้าย้อนดูรายละเอียดในการยื่นแบบรายการแสดงข้อมูล หรือยื่นไฟลิ่งครั้งแรก หุ้นที่ประกาศเสนอขายมีจำนวนทั้งสิ้น 2,231.71 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,620 ล้านหุ้น และหุ้นที่ถือโดย Hawthorn Resources Limited จำนวนไม่เกิน 611,714,300 หุ้น
ราคาที่เสนอขายตั้งไว้ระหว่าง 40-48 บาท
แต่เมื่อเสนอขายจริง กลับมีหุ้นที่เสนอขายจำนวน 1,691 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 1,331 ล้านหุ้น และหุ้นที่ถือโดย Hawthorn Resources Limited จำนวนไม่เกิน 360 ล้านหุ้น
และอาจมีหุ้นที่จัดสรรส่วนเกินหรือกรีนชูอีก 169 ล้านหุ้น
นอกจากนั้น ยังลดช่วงราคาเสนอขายเหลือ 40-43 บาทเท่านั้น
การนำหุ้นเสนอขาย 2,231 ล้านหุ้น ตามแผนการเดิมนั้น กลุ่มเซ็นทรัลวางแผนจะลดสัดส่วนการถือหุ้นใน CRC เหลือ 60% แต่เมื่อนำหุ้นเสนอขายเพียง 1,691 ล้านหุ้น หลังการเสนอขายหุ้นกลุ่มเซ็นทรัลจะเหลือสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 70% ของทุนจดทะเบียน
การปรับแผนขายหุ้น โดยลดจำนวนหุ้นที่เสนอขายลงไปเกือบ 600 ล้านหุ้น เนื่องจากนักลงทุนทั่วไปไม่ได้ตอบรับหุ้น CRC อย่างล้นหลาม ถ้านำหุ้นเสนอขายจำนวนมาก อาจขายไม่หมด ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน
นักลงทุนอาจประเมินแนวโน้มหุ้น CRC ในมุมมองที่อาจไม่แตกต่างจากกลุ่มเซ็นทรัล โดยธุรกิจค้าปลีกกำลังอยู่ในช่วงขาลง คนเลิกเดินจับจ่ายซื้อสินค้าในห้าง ห้างใหญ่ๆ ห้างดังๆ จึงแปลงสภาพเป็นป่าช้าเกือบหมด ร้านค้าภายในห้างต้องถอนตัว เพราะสู้ค่าเช่าไม่ไหว
กลุ่มเซ็นทรัลคงจะประเมินชะตากรรมของตัวเองได้ และต้องการลดสัดส่วนการถือหุ้น CRC ลงเหลือประมาณ 70% เพียงแต่สถานการณ์การขายหุ้นไม่เอื้อเท่านั้น
ส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นกองทุน แสดงความสนใจจองซื้อนั้น เนื่องจากกองทุนทั้งในและต่างประเทศ มีนโยบายการบริหารการลงทุนให้มีผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีราคาหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ จึงต้องซื้อหุ้น CRC เพราะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ มีน้ำหนักในการคำนวณดัชนีฯ เพื่อถ่วงน้ำหนักการลงทุนของกองทุน
สำหรับนักลงทุนทั่วไป ไม่มีแรงกดดันที่จะต้องสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนเฉลี่ยขอตลาดหลักทรัพย์เหมือนกองทุน เพียงแต่เลือกดูว่า หุ้นตัวใดมีแนวโน้มจะให้ผลตอบแทนดีหรือไม่
ถ้าเห็นว่าหุ้นตัวใดมีความเสี่ยง แนวโน้มธุรกิจอาจไม่สดใส หรือเป็นธุรกิจที่เสี่ยงรอวันตาย สามารถเลี่ยงจองซื้อได้ ซึ่งนักลงทุนจำนวนหนึ่งเลือกที่จะจอง CRC
แต่สำหรับคนที่จองไปแล้ว ตอนนี้สายเกินไปที่จะเปลี่ยนใจ และทำได้อย่างเดียวคือ รอลุ้นว่า CRC เมื่อเข้าตลาดแล้วจะรอดไหม
เพราะสถานการณ์รอบด้านไม่เป็นใจให้การต้อนรับ CRC เข้าตลาดหุ้นแต่อย่างใด ไม่ว่าผลกระทบจากวิกฤตไวรัสอู่ฮั่น และธุรกิจค้าปลีกที่ซบเซาอย่างหนัก