บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP ประเดิมเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกที่ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ในปีนี้ และผู้ถือหุ้นกู้ส่วนใหญ่ไม่ยินยอมขยายเวลาการชำระหนี้คืน แต่ไม่รู้ว่าผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับเงินคืนเมื่อไหร่
หุ้นกู้รุ่น ACAP202A วงเงิน 395 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนคืนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่บริษัทขอขยายเวลาอีก 366 วัน โดยจะไถ่ถอนคืนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 และจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 7.5% ต่อปี
แต่การจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นกู้ส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยกับการขอขยายเวลาไถ่ถอน ทำให้ แผนขอยืดเวลาชำระคืนหนี้หุ้นกู้ จำนวน 395 ล้านบาทต้องล้มไป
ฝ่ายบริหาร ACAP แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า จะทยอยชำระคืนเงินต้นให้ผู้ถือหุ้นกู้จนครบทุกราย แต่ไม่ระบุว่าเงื่อนเวลาว่า จะชำระคืนหนี้ได้ครบเมื่อใด
ปีที่ผ่านมา หุ้นกู้บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งมีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ ทำให้นักลงทุนเดือดร้อน ส่วนปีนี้คาดว่า บริษัทจดทะเบียนจะมีการออกหุ้นกู้ระดมทุนจำนวนมาก เนื่องจากไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้ เพราะธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ
ส่วนการเพิ่มทุนจดทะเบียนทำได้ลำบาก เพราะผู้ถือหุ้นไม่พร้อมจะซื้อใส่เงินเพิ่ม
การออกหุ้นกู้จึงแทบเป็นช่องทางเดียวของการระดมทุน แต่การเสนอขายหุ้นกู้ไม่ง่ายเหมือนกัน เพราะปีที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนนับสิบแห่ง ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือเครดิตเรตติ้ง และมีแนวโน้มว่า ปีนี้จะมีบริษัทจดทะเบียนอีกนับสิบแห่งถูกลดเครดิตเรตติ้งอีก รวมทั้งบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ด้วย
เนื่องจากความสามารถในการชำระหนี้ลดลง เพราะจำนวนหนี้เพิ่มขึ้น แต่ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนชะลอตัว
นอกจากนั้น ข่าวการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทจดทะเบียนที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ จึงมี เสียงเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนหุ้นกู้ ไม่ว่าหุ้นกู้บริษัทจดทะเบียนขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ตาม
สำหรับการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ACAP ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในหุ้นกู้ทั้งระบบเท่านั้น แต่กระทบถึงผู้ถือหุ้น ACAP รวมทั้งผู้ถือหุ้นบริษัทในกลุ่ม ACAP ด้วย
กลุ่ม ACAP ซึ่งถือหุ้นโยงใยไขว้ไปมาประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC บริษัท พีพี ไพร์ม จำกัด (มหาชน) หรือ PPPM บริษัท สตาร์ ยูนิเวิลด์แซล เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ STAR และบริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GSC
PPPM เพิ่งเจรจากับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ เพื่อขอขยายเวลาชำระหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินวงเงิน 120 ล้านบาท ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 โดยทยอยชำระคืนจนครบภายในเดือนกรกฎาคมนี้
แม้ผู้ถือหุ้นรายย่อยบริษัทในกลุ่ม ACAP แต่ละบริษัทจะมีจำนวนไม่มาก ระดับ 1-2 พันราย แต่รวมทั้ง 5 บริษัท มีผู้ถือหุ้นรายย่อยนับหมื่นราย และ ส่วนใหญ่เสียหายจากการลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ เพราะหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะเป็นขาลงเต็มตัว โดยผลกระทบการผิดนัดชำระหนี้ของ ACAP และ PPPM เป็นปัจจัยลบซ้ำเติม
ผู้ถือหุ้นบริษัทในกลุ่ม ACAP คงท้อกันแล้ว เพราะยิ่งทนถือ ดูเหมือนว่ายิ่งเสียหายหนักขึ้น เนื่องจาก ข่าวร้ายๆ ภายในหุ้นกลุ่มนี้มีมากจริงๆ