หุ้นบริษัท โรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ จำกัด (มหาชน) หรือ IMH หุ้นน้องใหม่ตัวสุดท้ายของปี 2562 ยังถูกพูดถึงไม่เลิก เพราะเข้ามาสร้างความเสียหายให้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นไว้ไม่น้อย เนื่องจากตั้งราคาไว้สูงมาก เมื่อเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จึงถูกทุบจนเดี้ยง
IMH แม้จะเป็นหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล แต่เป็นโรงพยาบาลที่ดำเนินธุรกิจแตกต่างจากโรงพยาบาลทั่วไป โดยให้บริการเฉพาะด้านเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพทั้งในและนอกสถานที่ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้ากิจการต่างจังหวัด รายได้แต่ละปีระดับ 200-300 ล้านบาท มีกำไรสุทธิระดับ 10 ล้านบาทเศษ
หุ้นที่เสนอขายประชาชนทั่วไปครั้งแรกระหว่างวันที่ 18-20 ธันวาคม 2562 มีจำนวน 55 ล้านหุ้น เสนอขายในราคาหุ้นละ 6 บาท มีค่าพี/อี เรโชประมาณ 119 เท่า ซึ่งสูงมาก จนนักลงทุนส่วนหนึ่งปฏิเสธโควตาจองที่ได้รับจัดสรร ทำให้หุ้นขายไม่หมด
บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียเวลท์ จำกัด ในฐานะบริษัทผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ต้องแบกรับหุ้นเข้าพอร์ตลงทุน จนกลายเป็นหุ้นถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ถือหุ้นจำนวนทั้งสิ้น 11.75 ล้านหุ้นหรือสัดส่วน 5.47% ของทุนจดทะเบียน และต้องขาดทุนจากหุ้นที่ตัวเป็นผู้จัดจำหน่าย
IMH เข้าซื้อขายวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ราคาวันแรกปิดที่ 4.72 บาท และลงต่อเนื่องจนปิดต่ำสุดที่ 2.88 บาท เมื่อวันที่ 8 มกราคม ก่อนจะดีดตัวมาปิดที่ 3.38 บาท เมื่อวันที่ 10 มกราคม ต่ำกว่าจอง 2.62 บาทหรือต่ำกว่าจอง 43% ทำให้นักลงทุนที่หลงจองซื้อขาดทุนอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม IMH ไม่ได้เป็นหุ้นใหม่ในปี 2562 เพียงตัวเดียวที่ราคาต่ำกว่าจอง เพราะปี 2562 มีหุ้นใหม่จำนวนทั้งสิ้น 28 บริษัท และเมื่อคำนวณจากราคาปิดสิ้นปี 2562 มีเพียง 4 บริษัทที่ยืนเหนือจอง ส่วนอีก 24 บริษัทราคาต่ำกว่าจอง และมี 8 บริษัท ที่ราคาล่าสุดต่ำกว่าจองเกิน 40%
หุ้นใหม่อีก 7 บริษัทที่ราคาล่าสุด (10 ม.ค.63) ปิดต่ำกว่าจองเกิน 40% ประกอบด้วย บริษัท เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAAM ราคาจอง 1.80 บาท เข้ามาซื้อขายเป็นตัวแรกของปีเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2562 ราคาปิด 1.52 บาท ล่าสุดปิดที่ 92 สตางค์ ต่ำกว่าจอง 88 สตางค์ หรือ 48.88%
บริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GSC เข้าซื้อขายวันแรก 13 มีนาคม ราคาจอง 1.70 บาท ปิดวันแรก 2.50 บาท ล่าสุดปิดที่ 75 สตางค์ ต่ำกว่าจอง 95 สตางค์ หรือ 55.88%
บริษัท มิตรสิบ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MITSIB เข้าซื้อขายวันที่ 11 มิถุนายน ราคาจอง 2.50 บาท ปิดวันแรก 2.54 บาท ล่าสุดปิดที่ 1.46 บาท ต่ำกว่าจอง 1.04 บาท หรือต่ำกว่าจอง 41.6%
บริษัท อลินสิริ แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ ARIN เข้าซื้อขายวันที่ 10 กรกฎาคม ราคาจอง 1.80 บาท ปิดวันแรกที่ 1.43 บาท ล่าสุดปิดที่ 72 สตางค์ ต่ำกว่าจอง 1.08 บาท หรือ 60%
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เข้าซื้อขายวันที่ 12 พฤศจิกายน ราคาจอง 5.20 บาท ปิดวันแรกที่ 4.41 บาท ล่าสุดปิดที่ 2.90 บาท ต่ำกว่าจอง 2.30 บาท หรือ 44.23%
บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC เข้าซื้อขายวันที่ 14 พฤศจิกายน ราคาจอง 2.86 บาท ปิดวันแรกที่ 2 บาท ล่าสุดปิดที่ 1.59 บาท ต่ำกว่าจอง 1.27 บาท หรือ 44.40%
และบริษัท เอสทีซี คอนกรีต โปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC เข้าซื้อขายวันที่ 29 พฤศจิกายน ราคาจอง 1 บาท ปิดวันแรก 87 สตางค์ ล่าสุดปิด 60 สตางค์ ต่ำกว่าจอง 40 สตางค์ หรือ 40%
ใครจองหุ้นทั้ง 8 ตัวนี้ไว้ ถือว่า “ติดกับ” ขาดทุนย่อยยับ และถ้ายังไม่ตัดขาดทุนขาย ก็คงไม่รู้จะแก้ปัญหาหุ้นใหม่ที่ติดยอดดอยอยู่อย่างไร
เพราะราคาหุ้นที่นำมาเสนอขายครั้งแรกนั้น พิสูจน์แล้วว่า เป็นราคาที่แพงมาก และแนวโน้มผลประกอบการก็ไม่แน่นอน โดยอาจไม่สวยหรูตามที่ผู้บริหารคุยโม้ไว้
ถ้าแนวโน้มผลประกอบการสดใสจริง ทำไมเข้าตลาดหุ้นจึงถูกถล่มขายกันยกแผง โดยเฉพาะ IMH ซึ่งแม้แต่กรรมการอิสระของบริษัทยังขายหุ้นทิ้งในราคา 3.85 บาท
หุ้นใหม่ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นทุกขลาภ ใครรับโควตาที่โบรกเกอร์จัดสรรให้ซวยหมด เจ๊งกันถ้วนหน้า
ทำให้นักลงทุนหนีตายจากหุ้นใหม่ ไม่เสี่ยงจองซื้อ เห็นได้ชัดจากหุ้น IMH ที่เหลือบานเบอะ จน บล.เอเชียเวลท์ ต้องแบกรับเข้าพอร์ตจนหลังแอ่น
หุ้นใหม่กลายเป็นตัว "สูบเงิน" ดีๆ นี่แหละ ต่อจากนี้ ถ้ายังขายแพงๆ นักลงทุนต้องร่วมใจไม่จองซื้อ ตบหน้าสั่งสอนผู้บริหารหุ้นใหม่ บริษัทที่ปรึกษาทาวการเงิน และบริษัทผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายให้เข็ด
เอาหุ้นเน่าๆ มาขายแพงๆ ต้องพร้อมใจกันไม่ซื้อ