กลางปี 2534 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI รัฐวิสาหกิจแปรรูป เคยเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม จนหุ้นที่นำมาจัดสรรในราคา 60 บาทไม่พอขาย ต้องแบ่งโควตาให้นักลงทุนที่จองซื้อรายละ 200 หุ้น แต่เมื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 19 กรกฎาคม 2534 ทุกคนต้องผิดหวัง เพราะราคาหุ้นต่ำกว่าจอง
THAI เป็นหุ้นที่นักลงทุนหมายมั่นว่า จะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าสำหรับการลงทุนระยะยาว แต่ตลอด 29 ปีที่เข้าตลาดหุ้น ใครที่ถือเพื่อการลงทุนระยะยาวต้องเจ็บปวด เพราะราคาทรุดตัวลงต่อเนื่อง และ ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันพุธที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ราคาได้สร้างจุดต่ำสุดนับจากเข้าซื้อขายที่ 6.30 บาท ทำให้ผู้ถือหุ้นท้อแท้กับหุ้นตัวนี้
หุ้นธุรกิจสายการบินที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด 4 บริษัท ซึ่งทั้งหมดผลประกอบการไม่ได้ดีนัก เพียงแต่ 2 บริษัทยังพอมีกำไร สามารถจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นได้บ้าง แต่อีก 2 บริษัทผลประกอบการย่ำแย่ ขาดทุนต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม หุ้นสายการบินทั้ง 4 บริษัท ปัจจุบันไม่มีสายการบินใดยืนเหนือราคาเสนอขายครั้งแรก
THAI เป็นหุ้นสายการบินตัวแรกที่เข้าจดทะเบียน โดยเสนอขายหุ้นในราคา 60 บาท จากราคาพาร์ 10 บาท แต่วันที่ 9 มกราคมปิดที่ 6.55 บาท ต่ำกว่าราคาเสนอขายครั้งแรก 53.45 บาท โดยเป็นหุ้นที่มีผู้ถือหุ้นรายย่อยมากที่สุด จำนวน 106,958 ราย
บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV เจ้าของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ตามเข้าจดทะเบียนเป็นหุ้นสายการบินตัวที่ 2 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 เสนอขายในราคาหุ้นละ 3.70 บาท จากพาร์ 10 สตางค์ ราคาเมื่อวันที่ 9 มกราคม ปิดที่ 2.04 บาท ต่ำกว่าราคาเสนอขายครั้งแรก 1.64 บาท มีผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวน 22,866 ราย
ผลประกอบการ AAV มีกำไรต่อเนื่อง แต่งวด 9 เดือนแรกปีนี้ ขาดทุน 401.91 ล้านบาท
บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เข้าจดทะเบียนวันที่ 20 มิถุนายน 2556 โดยนำหุ้นเสนอขายในราคา 26 บาท จากพาร์ 1 บาท แต่ราคาต่ำกว่าจองตั้งแต่วันแรก และปิดเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ 1.98 บาท ต่ำกว่าราคาเสนอขาย 24.02 บาท มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 7,654 ราย
ผลประกอบการ NOK ไม่แตกต่างจาก THAI โดยขาดทุนต่อเนื่อง จนมียอดขาดทุนสะสมทั้งสิ้น 9,551.76 ล้านบาท และกลุ่มจุฬางกูร ผู้ถือหุ้นใหญ่ ต้องเพิ่มทุนหลายระลอกเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท แต่ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการดำเนินงาน
และบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เข้าจดทะเบียนวันที่ 3 พฤศจิกายน 2557 ราคาเสนอขาย 25 บาท จากพาร์ 1 บาท ราคาวันที่ 9 มกราคมปิดที่ 6.45บาท ต่ำกว่าจอง 18.55 บาท มีผู้ถือหุ้นรายย่อย 14,214 ราย
ผลประกอบการ BA มีกำไรติดต่อหลายปี แต่งวด 9 เดือนแรกปีนี้ขาดทุน 131.53 ล้านบาท
หุ้นธุรกิจสายการบินด้วยกันควรจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน ดีก็ดีด้วยกัน แย่ก็ควรแย่ด้วยกัน แต่ทั้ง 4 หุ้นสายการบิน กลับไปคนละทิศทาง เนื่องจากโครงสร้างองค์กรและโครงสร้างการบริหารงานแตกต่างกัน โดย 2 สายการบินพอไปได้ แต่ อีก 2 สายการบินกลับร่อแร่ ราคาหุ้นมีแนวโน้มที่จะทะลุจุดต่ำสุดใหม่
โดยเฉพาะหุ้น THAI ที่ยังสลัดความเป็นรัฐวิสาหกิจไม่พ้น เป็นองค์กรที่มีความเทอะทะ แม้พยายามลดต้นทุนมาหลายระลอกแล้วก็ตาม ขณะที่โครงสร้างการบริหารยังไม่มีความเป็นองค์กรมืออาชีพ แม้พยายามดึงนักบริหารมืออาชีพเข้าไปก็ตาม
ผลประกอบการ THAI ขาดทุนหนักหลายปีติดต่อ กำไรครั้งสุดท้ายที่เห็นเกิดขึ้นในปี 2559 หลังจากนั้นขาดทุนตลอด โดยงวด 9 เดือนแรกปีนี้ขาดทุนสุทธิ 11,119.87 ล้านบาท มียอดขาดทุนสะสม 18,470.41 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้น THAI จำนวนกว่า 1 แสนคน และทั้งหมดน่าจะติดหุ้นราคาต้นทุนสูง คงกำลังลังเลว่า จะตัดสินใจอย่างไรกับหุ้นตัวนี้
เพราะถ้าขายทิ้ง ต้องทำใจแบกรับผลขาดทุนมหาศาล แต่ถ้าจะถือต่อไปก็มองไม่เห็นอนาคต และราคามีแนวโน้มที่จะดิ่งลงอีก
ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนไม่น้อย ถือหุ้น THAI มาตั้งแต่จองซื้อหุ้นในราคา 60 บาทไว้ แต่ 29 ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับในวันนี้มีแต่ ความผิดหวังจากหุ้น THAI
จะทนถือต่อ ไม่รู้ว่า ชาตินี้จะได้ทุนคืนหรือไม่