xs
xsm
sm
md
lg

“ปูนใหญ่” งบโค้งสุดท้ายปี 62 ส่อแววกำไรดิ่ง-ปีนี้ยังไม่ดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โบรกเกอร์ประสานเสียง กำไร บมจ.ปูนซิเมนต์ไทยไตรมาส 4 ปี 62 ชะลอ เหตุปิโตรเคมีกดดัน คาดกำไรอยู่ที่ 5.9-6.8 พันล้านบาท ลดลงประมาณ 15% จากช่วงไตรมาส 3 กดดันกำไรทั้งปีอยู่แถว 3.1 หมื่นล้านบาท พร้อมคาดการณ์ปี 63 ทั้งปิโตรเคมี-ปูนยังเจอปัจจัยลบ พร้อมหั่นกำไรปีนี้ลง ให้ราคาเป้าหมาย 340-400 บาท

KTBS มองธุรกิจปิโตรเคมียังกดดันข้ามปี

บล.เคทีบีเปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ว่า ได้ประมาณการกำไรสุทธิ Q4/62 ที่ 6,836 ล้านบาท (-35 % YoY, +10% QoQ) ถ้าไม่นับรวมรายพิเศษ กำไรสุทธิลดลง -15% QoQ จากธุรกิจปิโตรเคมี โดยส่วนต่างราคา (HDPE-Naphtha spread) เฉลี่ยใน Q4/62 ยังคงปรับลดลงมาอยู่ที่ USD307/ton (-53% YoY, -33% QoQ)

ส่วนกำไรสุทธิปี 2562 คาดจะลดลง -4% เหลือ 31,746 ล้านบาท (-29% YoY) แต่ยังคงประมาณการปี 2563 ที่ 33,256 ล้านบาท (5% YoY)

อย่างไรก็ตาม ประมาณการกำไรปี 2563 ของเรายังมีความเสี่ยงจากส่วนต่างราคา HDPE-Naphtha ที่ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับต่ำเพียง USD235/ton (ต่ำกว่าสมมติฐานเราที่ USD350/ton สำหรับปี 2563)

ส่วนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีความเสี่ยงจากการบริโภคในประเทศที่ลดลงจากผลกระทบจากภัยแล้งในปี 2563 นี้ที่อาจจะรุนแรงมาก ราคาหุ้นปรับตัวลงและ underperform SET -12% ใน 6 เดือน จากกำไรที่ลดลง ในขณะที่ราคาหุ้นเริ่มทรงตัวได้ใน 1 เดือนที่ผ่านมาจากการเจรจาการค้าจีนกับสหรัฐฯ ที่มีความคืบหน้า

แม้ว่าราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ 2563 EV/EBITDA ที่ 9.5 เท่า (ค่าเฉลี่ย 6-year EV/EBITDA ที่ 10.0x) เราเชื่อว่าราคาหุ้นจะยังคง underperform ต่อไปจากการหดตัวของกำไรปกติปี 2563 ที่ระดับต่ำ (-7%) และยังมีความเสี่ยงที่จะลดลงเนื่องจากยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมี ในขณะที่ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีความเสี่ยงจากภัยแล้ง

ยังคงคำแนะนำ “ขาย” และราคาเป้าหมายที่ 340.00 บาท อิง SOTP (อิง 2563E EV/EBITDA เฉลี่ยที่ 8.8 เท่า)

เคจีไอหั่นกำไรปีนี้ลง 12.9%

ขณะที่ บล.เคจีไอ แนะนำ "ขาย" เป้าพื้นฐาน 351 บาท เนื่องจากคาดกำไร Q4/62 = 5.9 พันล้านบาท (-38.8% YoY, -26.3% QoQ) การลดลงของกำไรในไตรมาสนี้ หลักๆ เป็นผลจาก Spread ปิโตรเคมีที่อ่อนแอ อย่างไรก็ดี คาดปันผลสำหรับ 2H62 หุ้นละ 5 บาท (Dividend yield 1.4%) ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ ปี 2563 ลง -12.9% จากการปรับลดสมมติฐานทั้ง 3 ธุรกิจหลักของ SCC

บล.ฟิลลิปเชื่อวงจรราคาปิโตรใกล้จุดต่ำสุด

บล.ฟิลลิปประเมินกำไร Q4/62 ยังอ่อนลง โดยที่ส่วนต่างปิโตรเคมี HDPE-Naphtha ลดลง US$336/ตัน y-y จากอุปทานต้นทุนถูกจาก USA ที่เข้ามาขายในภูมิภาคและอุปสงค์อ่อนแอตามภาวะเศรษฐกิจโลก อีกทั้งเป็นช่วง Low Season ขณะที่ธุรกิจวัสดุก่อสร้างยังไม่ฟื้นตัวมากหลังน้ำท่วม แต่ยังมีการก่อสร้างภาครัฐฯ เข้ามาช่วย ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์น่าจะดีขึ้น y-y เล็กน้อยจากการซื้อกิจการ FAJAR อินโดนีเซีย

อย่างไรก็ดี การรวมงบ Fajar มีภาระดอกเบี้ยสูง ทำให้ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่ม y-y ภาพรวมกำไรมีแรงกดดันจากรายได้และ Margin ต่ำลง จึงคาดหมายกำไรแค่ 6.1 พันล้านบาท ลดลงจากงวด Q4/61 ที่ได้ 10.5 พันล้านบาท

ส่วนแนวโน้มปีนี้ต้องรอ Spread ปิโตรเคมี โดยเชื่อว่าการเจรจาการค้าดีขึ้นจะช่วยหนุน Spread ส่วนธุรกิจวัสดุก่อสร้างน่าจะมีแรงหนุนจากกิจกรรมก่อสร้างภาครัฐฯ ขณะธุรกิจบรรจุภัณฑ์น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากแผนการขยายกิจการต่อเนื่องในภูมิภาคหลังการทำ IPO คาดกำไรปกติลดลง 20%

ทั้งนี้ มองวงจรราคาปิโตรเคมีน่าจะใกล้จุดต่ำสุด ผู้ผลิตในภูมิภาคประสบภาวะขาดทุนเริ่มลดการผลิต ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีความหวังมากขึ้น ขณะที่วัสดุก่อสร้างและบรรจุภัณฑ์มีโอกาสเติบโต ราคาปิดล่าสุดซื้อขายต่ำกว่ามูลค่ารวมส่วนธุรกิจที่ 400 บาท ราคาหุ้นน่าจะรับรู้ข่าวลบไปมาก กำลังรอปัจจัยบวกใหม่ๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น