ดัชนีความเชื่อมั่นฯ เดือนพฤศจิกายน 2562 ลดลงอยู่ในโซนทรงตัวเป็นเดือนที่สาม โดยขณะที่นักลงทุนกังวลความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนชะลอตัว ขณะที่นักลงทุนคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ และเชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจในประเทศ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2562 โดยระบุว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) เป็นเดือนที่สามติดต่อกัน โดยผลสำรวจพบว่านักลงทุนกังวลความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด และคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และภาวะเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน”
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2562 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
· ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มกราคม 2563) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (Neural) (ช่วงค่าดัชนี 80-119) โดยลดลง 22.56% มาอยู่ที่ระดับ 86.44
· ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral)
· ดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศลดลงอยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral)
· ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนรายบุคคลลดลงมาอยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral)
· ดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศลดลงเล็กน้อยอยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral)
· หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)
· หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธนาคาร (BANK)
· ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือนโยบายทางการเงินของธนาคารสหรัฐฯ
· ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
“ผลสำรวจ ณ เดือนตุลาคม ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน โดยกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศลดลงมาอยู่ที่เกณฑ์ทรงตัวจากเกณฑ์ร้อนแรงในเดือนก่อน กลุ่มบัญชีนักลงทุนรายบุคคลและกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศลดลงแต่อยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเช่นเดิม ขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่เกณฑ์ทรงตัวเช่นเดิม
ในช่วงเดือนตุลาคม ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วนใหญ่ปรับตัวเคลื่อนไหวทรงตัวในทิศทางลดลงอยู่ในช่วง 1,600-1,630 จุด ขณะที่ดัชนีมีการปรับตัวลดลงในช่วงปลายเดือน จากปัจจัยความไม่แน่นอนในภาวะเศรษฐกิจโลก จากการเจรจาการค้าระหว่างประเทศยังไม่ชัดเจน ความเสี่ยงด้านการส่งออกและกังวลผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3 ทำให้ดัชนีฯปรับตัวลดลงมาอยู่ในช่วง 1,590-1,600 จุด ในช่วงปลายเดือน โดยทิศทางการลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุดคือความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ อีก 0.25% รองลงมาคือภาวะเศรษฐกิจในประเทศและการไหลเข้าออกของเงินทุน ขณะที่นักลงทุนเฝ้าติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แม้ว่ามีความผ่อนคลายมากขึ้นและสหรัฐฯ ระงับการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนบางส่วน ยังคงเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลง สำหรับปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกที่ต้องติดตาม ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงถดถอย ทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ และยูโร ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แนวโน้มการพิจารณา BREXIT ที่คาดว่าขยายระยะเวลาออกไป ม.ค.ปีหน้า ทิศทางปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และนโยบายด้านการคลังของจีนเพื่อผ่อนคลายภาวะเศรษฐกิจจากสงครามทางการค้า ขณะที่ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามคือผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และทิศทางมาตรการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องที่ส่งผลต่อภาคการส่งออกและภาคท่องเที่ยว รวมถึงผลกระทบจากการประกาศยกเลิกสิทธิ GSP บางส่วนของสินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ เป็นปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม”
ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Expectation Index) เดือนพฤศจิกายน 2562
ผลจากดัชนีคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสที่จะปรับลดลงจากระดับ 1.50% ในการประชุม กนง. รอบเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีในอีก 8 สัปดาห์ข้างหน้ามีแนวโน้มลดลงจากระดับ 1.41% ณ วันที่สำรวจ (21 ต.ค. 62) เนื่องจากคาดการณ์ว่า กนง.อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลกที่ลดลงและเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
ในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีในอีก 8 สัปดาห์ข้างหน้าน่าจะทรงตัวใกล้เคียงกับระดับ 1.56% ณ วันที่สำรวจ (21 ต.ค. 62) เป็นผลมาจากอุปสงค์อุปทานในตลาดตราสารหนี้ทรงตัว ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลง และ Fund flow จากต่างชาติที่ลดลง
นางสาวศิรินารถ อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Expectation Index) เดือนพฤศจิกายน 2562 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม กนง. รอบเดือนพฤศจิกายนนี้อยู่ที่ระดับ 29 ลดลงเล็กน้อยจากครั้งที่แล้ว มาอยู่ในเกณฑ์ “ลดลง (Decreased)” สะท้อนมุมมองของตลาดว่าการประชุม กนง.ในรอบเดือนพฤศจิกายนนี้อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยมีปัจจัยจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลกที่ลดลง รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย และ Fund flow จากต่างชาติที่ลดลง เป็นปัจจัยกำหนดที่สำคัญ
- ดัชนีคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 5 ปีและ 10 ปี ในรอบการประชุม กนง. ธันวาคม 2562 (ประมาณ 8 สัปดาห์ข้างหน้า) อยู่ที่ระดับ 27 และ 33 ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากครั้งที่แล้ว โดยดัชนีคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีคงอยู่ในเกณฑ์ “ลดลง (Decrease)”จาก 1.41% ณ วันที่ทำการสำรวจ (21 ต.ค. 62) และดัชนีคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอยู่ในเกณฑ์ “ไม่เปลี่ยนแปลง (Unchanged)”จาก 1.56% โดยปัจจัยหนุนสำคัญ ได้แก่ อุปสงค์อุปทานในตลาดตราสารหนี้ที่ทรงตัว แนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกที่ลดลง และ Fund flow จากต่างชาติที่ลดลง