ธ.ก.ส. คาด ราคาขายข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ในเดือน พ.ย. มีแนวโน้มปรับตัวลงมาอยู่ที่ 7,868-7,920 บาท/ตัน หรือลดลงจากเดือนก่อน 0.1-0.76% ตามแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาท และผู้นำเข้ารายใหญ่ลดการนำเข้าข้าวจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เช่นเดียวกับราคาขายยางพาราแผ่นดิบที่จะลดลงมาอยู่ 35.08-35.37 บาท/กก. หรือลดลง 0.25-1.06% เมื่อเทียบจากเดือนก่อน เหตุ ความต้องการจากจีนลดลงหลังจากบ. ฉงชิ่ง ซึ่งเป็นผู้รับซื้อยางพารารายใหญ่ได้ปิดกิจการ ขณะเดียวกันบริษัทต่างประเทศเริ่มหยุดใช้ยางพารา-ไม้ยางพาราที่ไม่ผ่านมาตรฐานการจัดการสวนป่าไม้เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน แต่ราคาขายน้ำตาลทรายดิบ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน สุกร และกุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มราคาจะเพิ่มขึ้น
นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือน พ.ย. 62 ที่จัดทำโดย ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ว่า ราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงนั้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% โดย ธ.ก.ส. คาดว่าราคาขายจะอยู่ที่ 7,868-7,920 บาท/ตัน หรือลดลงจากเดือนก่อน 0.10-0.76% เนื่องจากค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ อาทิ ประเทศอินโดนีเซีย ปรับลดการนำเข้าข้าวจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เช่นเดียวกับราคาขายข้าวเปลือกหอมมะลิ ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 16,087-16,172 บาท/ตัน จากเดือนก่อน หรือปรับตัวลง 0.77-1.29% เนื่องจากผลผลิตข้าวหอมมะลิออกสู่ตลาดมากขึ้น โดยข้าวหอมมะลิ 105 เริ่มทยอยเก็บเกี่ยวในวันที่ 10 พ.ย. 62
นอกจากนี้ ราคาขายข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวในเดือน พ.ย. 62 ยังมีแนวโน้มที่จะปรับลงมาอยู่ที่ 14,050-14,158 บาท/ตัน หรือลดลงจากเดือนก่อน 0.58-1.34% เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาขายอยู่ที่ 7.32-7.36 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน 1.50-2% เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ออกสู่ตลาดมากในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นช่วงที่มีฝนตกชุก ทำให้ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีความชื้นสูง ผู้ประกอบการผลิตอาหารสัตว์จึงไม่นิยมซื้อเก็บสต็อกไว้ ส่งผลให้ความต้องการใช้ภายในประเทศทรงตัว ด้านยางพาราแผ่นดิบ ราคาขายอยู่ที่ 35.08-35.37 บาท/กก. หรือลดลงจากเดือนก่อน 0.25-1.06% เนื่องจากค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ขณะที่ความต้องการจากประเทศจีนลดลง เนื่องจาก บริษัท ฉงชิ่ง จำกัด รัฐวิสาหกิจที่เป็นผู้รับซื้อยางพารารายใหญ่ของประเทศจีน ปิดกิจการ ประกอบกับบริษัทต่างประเทศเริ่มมีการเคลื่อนไหว หยุดใช้ยางพาราและไม้ยางพาราที่ไม่ผ่านมาตรฐานการจัดการสวนป่าไม้เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
ส่วนราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ย. 62 นั้น ได้แก่ ราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์กมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 12.44-12.57 เซนต์/ปอนด์ หรือราว 8.32-8.41 บาท/กก. หรือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.00-2.00% เช่นเดียวกับราคาขายมันสำปะหลังที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1.71 -1.79 บาท/กก. หรือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.18 - 5.9% นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังคาดการณ์เพิ่มเติมด้วยว่า ราคาขายปาล์มน้ำมันจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 2.91-3.01 บาท/กก. หรือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.75 - 5.24% ส่วนราคาขายสุกรจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจะอยู่ที่ 61.25 - 62.50 บาท/กก. หรือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.40 - 2.4% ส่วนกุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 70 ตัว/กก. ราคาขายจะอยู่ที่ 124.50 - 126.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.40 - 3.3% เนื่องจากอากาศเริ่มเย็นลง ทำให้กุ้งเจริญเติบโตช้า และเกษตรกรมีการปรับตัวในการเลี้ยงกุ้ง โดยลดปริมาณการปล่อยลูกกุ้งและทยอยจับสลับกับการลงกุ้งก้ามกราม แต่ยังคงมีปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจโลกตกต่ำจากสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับจีน และค่าเงินบาทที่แข็งกว่าประเทศคู่แข่งขัน