“จุรินทร์” ร่วมเปิดงานแสดงสินค้า CIIE 2019 ที่จีน เผยรอบนี้มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 46 ราย มั่นใจดันสินค้าไทยเจาะเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น คาดยอดขายไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้าน ระบุจะเข้าชมซูเปอร์มาร์เกต “เหอหม่า” หาช่องดันสินค้าไทยเข้าไปขายเพิ่มด้วย พร้อมถก “อาลีบาบา” ช่วยหนุน SMEs ไทยเข้าสู่แพลตฟอร์มค้าออนไลน์ เล็งเปิดตัว TOPTHAI Flagship Store บน Tmall Global จำหน่ายสินค้าไทยเจาะจีน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์เยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 5-6 พ.ย. 2562 เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดงาน China International Import Expo 2019 หรือ CIIE 2019 ตามคำเชิญของจีน โดยมีนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน เป็นประธานในพิธีเปิด ซึ่งในส่วนของไทยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมจัดงานแสดงสินค้าในครั้งนี้ด้วย โดยมั่นใจว่าจะผลักดันสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น หลังจากที่ปีที่ผ่านมาไทยได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า 63 ราย มียอดการซื้อขาย 64 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,921 ล้านบาท
งาน CIIE 2019 ครั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแจ้งว่าได้นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 46 ราย ได้แก่ สินค้าไลฟ์สไตล์ 7 ราย อัญมณีและเครื่องประดับ 15 ราย สินค้าอาหารและสินค้าเกษตร 16 ราย ธุรกิจบริการ 1 ราย อุปกรณ์การแพทย์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ 5 ราย การท่องเที่ยว 1 ราย และมีการคาดการณ์ว่าจะมียอดการซื้อขายภายในงานนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท
นายจุรินทร์กล่าวว่า จะเดินทางไปเยี่ยมชมซูเปอร์มาร์เกตของเหอหม่า (Hema Fresh) ที่ได้รับเงินลงทุนจากอาลีบาบาเพื่อทดลองการเข้าสู่ตลาดค้าปลีก โดยจุดเด่นของเหอหม่า คือ การให้บริการทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ เน้นจําหน่ายสินค้าอาหารสด ซึ่งสินค้าสดคิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของสินค้าทั้งหมด การจัดส่งสินค้าภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ระบบบริหารจัดการทั้งหมดเป็นระบบดิจิทัล สินค้ากว่า 20,000 ชนิด จากกว่า 2,000 แบรนด์ มีระบบการตรวจสอบย้อนกลับ สามารถค้นหาสินค้าได้อย่างละเอียด และจะใช้โอกาสนี้หาทางผลักดันสินค้าไทยเข้าไปวางจําหน่ายในเหอหม่าให้ได้มากขึ้น โดยจะเชิญฝ่ายจัดซื้อมาร่วมงานแสดงสินค้าในไทย ทั้งงาน THAIFEX และงาน STYLE หรือเชิญมาเข้าร่วมงานเจรจาจับคู่ธุรกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวันที่ 6 พ.ย. 2562 นายจุรินทร์ และคณะมีกำหนดเข้าหารือกับผู้บริหารระดับสูงของอาลีบาบา โดยจะมีความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับอาลีบาบาในหลายด้าน ได้แก่ การทำ Letter of Intend เพื่อพัฒนา SMEs ไทยเข้าสู่แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ระดับนานาชาติ การทำ MOU ข้อตกลงเพื่อพัฒนา SMEs ไทยและบุคลากรด้านดิจิทัล การตั้ง TOPTHAI Flagship Store บน Tmall Global เพื่อจําหน่ายสินค้าแฟชั่น ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม และสินค้าอาหาร มีเป้าหมายผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วม 100 บริษัท คาดการณ์มูลค่าสั่งซื้อ 1,200 ล้านบาทภายใน 3 ปี
นอกจากนี้ จะมีการหารือเพื่อเพิ่มความร่วมมือในการส่งเสริมการตลาดและส่งออกสินค้าเกษตร ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าว ผลไม้ และสินค้าศักยภาพอื่นๆ ของไทย ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ การจัดกิจกรรมมหกรรมออนไลน์วันประเทศไทย (Thailand Day) เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ กิจกรรมทางการตลาด และการท่องเที่ยวของประเทศสู่ผู้บริโภคชาวจีน รวมถึงการเพิ่มความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ และความรู้ที่สามารถช่วยอํานวยความสะดวกในการทําธุรกิจและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรของไทย