หุ้น บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ตั้งหลักขึ้นมาใหม่แล้ว หลังจากถูกเทขายอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จนราคารูดติดพื้น 30% โดยที่ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับ JAS
การซื้อขายหุ้น JAS เมื่อวันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน กลับสู่ความคึกคัก แม้เปิดตลาดช่วงแรกจะถูกเทขาย จนราคารูดลงต่ำสุดระหว่างวัน ที่ 4.02 บาท/หุ้นก็ตาม แต่หลังจากนั้นมีแรงซื้อเข้ามา ผลักดันให้ราคาดีดกลับ และปิดการซื้อขายที่ 4.90 บาท เพิ่มขึ้น 52 สตางค์หรือเพิ่มขึ้น 11.87% มูลค่าซื้อขาย 2,285.74 ล้านบาท
ความปั่นป่วนในการซื้อขายหุ้น JAS เมื่อวันศุกร์ ยัง ถูกนักลงทุนพูดถึงกันอยู่ และเบื้องหลังการถูกถล่มขาย ก็ได้แต่คาดเดากันเท่านั้น
สิ่งที่คาดเดาว่า น่าจะเป็นสาเหตุการถล่มหุ้น JAS ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากผลกระทบทางจิตวิทยา การที่ นายพิชญ์ โพธารามิก ผู้ถือหุ้นใหญ่ ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งลงโทษปรับเป็นเงิน 156 ล้านบาท ในความผิด ปั่นหุ้น JAS และหุ้น MONO
ผลกระทบจากการที่ต้องขายหุ้น JAS เพื่อนำเงินไปซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) ซึ่งเพิ่มทุน โดยนำหน่วยลงทุนใหม่ จำนวน 2,500 หน่วย ขายผู้ถือหุ้นหน่วยลงทุนเดิม ในสัดส่วน 2.2 หน่วยลงทุนเดิมต่อ 1 หน่วยลงทุนใหม่ ในราคาหน่วยละ 9 บาท
โดย JAS ถือหน่วยลงทุน JASIF จำนวน 1,045 ล้านหน่วย หรือถือในสัดส่วน 19% ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมดของกองทุน
และ ผลกระทบจาก “บล็อกเทรด” โดยนักลงทุนซื้อสัญญา Call ที่อิงกับหุ้น JAS หรือซื้อสัญญาฝั่งที่คาดหมายหุ้น JAS จะปรับตัวขึ้นไว้จำนวนมาก เมื่อราคาหุ้น JAS ปรับตัวลง นักลงทุนที่ถือสัญญา Call ไว้ จึงลดความเสี่ยงในความเสียหายจากสัญญาซื้อขึ้นโดยชิงกันขายสัญญาทิ้ง และ จุดชนวนการการเทขายหุ้น JAS ครั้งใหญ่
นายพิชญ์ ถูก ก.ล.ต. สั่งลงโทษเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ราคาหุ้น JAS ไม่ได้ผันผวนหลังจากมีข่าวนายพิชญ์ ดังนั้นกรณีนายพิชญ์ ถูกลงโทษคดีปั่นหุ้นจึงไม่น่าจะเป็นสาเหตุของการถล่มขายหุ้น
ส่วนประเด็นผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ JAS ขายหุ้น เพื่อนำเงินไปซื้อหน่วยลงทุนใหม่ JASIF ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกัน เพราะ JAS ต้องใช้เงินขอบริษัทซื้อหน่วยลงทุน ตามสัดส่วนที่ได้รับการจัดสรร ไม่เกี่ยวกับผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่
และถ้าผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ JAS ขายหุ้น จะต้องรายงานข้อมูล ก.ล.ต. แต่ยังไม่มีรายงานการขายหุ้นของผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ JAS
ส่วนประเด็น “บล็อกเทรด” ไม่มีโบรกเกอร์ไหนออกมายืนยันว่า เป็นชนวนเหตุของการถล่มหุ้น JAS เหมือนกัน
ถ้าจะอ้างว่าเจ้ามือหรือนายพิชญ์ ซึ่งถือหุ้น JAS ในสัดส่วน 56.08% ของทุนจดทะเบียน ทุบหุ้นเสียเอง ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
เพราะนายพิชญ์ เพิ่งถูก ก.ล.ต. ลงโทษคดีปั่นหุ้นอยู่หยกๆ คงไม่กล้าก่อคดีซ้ำสองในระยะเวลาอันใกล้
วันนี้ยังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังจากการถล่มหุ้น JAS ด้วยเหตุผลใด แต่ แมลงเม่า และนักเก็งกำไรบล็อกเทรดและนักเก็งกำไรเดลิเวทีฟวอร์แรนต์ หรือ DW ต้องล้มตายกันเป็นเบือเพราะขาดทุนย่อยยับจากการทุบหุ้น JAS จนติดดิน
นักลงทุนที่ถือหุ้น JAS อาจเสียหายเพียง 30% เมื่อวันศุกร์ และถ้ายังไม่ขาย ความเสียหายก็ยังเกิด แต่สำหรับนักเก็งกำไรบล็อกเทรดและ DW ต้องเสียหายหนัก โดยเฉพาะ DW ที่อ้างอิงหุ้น JAS โดยถือสัญญา Call หรือเล่นขาขึ้น ซึ่งอาจถูกโบรกเกอร์บังคับขายสัญญาไปแล้ว
เพราะราคา DW ที่อ้างอิง JAS ราคาจะลงเป็นทวีคูณหลายเท่าของราคาหุ้นตัวแม่ ส่วนนักลงทุนที่ซื้อสัญญา PUT หรือซื้อ JAS ฝั่งขาลง ได้กำไรวันเดียวถึง 500%
ราคาหุ้น JAS ที่ขึ้นลงอย่างผิดปกติ ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นมาตลอด รวมทั้งหุ้น MONO ซึ่งเป็นบริษัทลูก เพราะหุ้นกลุ่มนี้มี “เจ้ามือ”
นักลงทุนที่จะลุยหุ้นกลุ่มนี้ น่าจะทำใจยอมรับไว้แล้วว่า หุ้นกลุ่ม JAS ไม่ใช่ธรรมดา แต่ครบเครื่องทั้งเรื่องอินไซด์และปั่นหุ้น
การที่หุ้น JAS จะถูกทุบหุ้นติดฟลอร์หรือถูกลากขึ้นชนเพดาน 30% จึง ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ และไม่จำเป็นต้องค้นหาเบื้องหลัง การทุบหุ้นติดฟลอร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาด้วย